Sunday, December 30, 2007

(-/\-) สวัสดีปีใหม่

พรุ่งนี้ก็สิ้นปีแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วเสียนี่กระไร เผลอแป๊บๆ สามอาทิตย์ แห่งความสุข ก็เหลืออีกเพียงแค่อาทิตย์เดียว หลังจากผ่านเวลาแห่งความสุขนี้ไปก็ต้องไปเผชิญชะตาชีวิตที่แมวเบิ้นแต่เพียงลำพังอีกแล้ว ไหนๆ จะสิ้นปีแล้ว ก็อัพบล็อกอวยพรปีใหม่กันสักหน่อย

ปีหน้าที่จะมาถึงนี้ ก็ขอให้ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านบล็อกนี้ มีความสุขกันถ้วนหน้า พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตลอดทั้งปี มีความสุขกันมากๆนะค๊าบ แฮปปี้ แฮปปี้ new year ค๊าบ (-/\-) สวัสดีคับ

Saturday, December 8, 2007

เข้าใจ

คงมีเพียงแค่รักกัน แล้วรักนั้นมันมีสุขไหม

คงเป็นเพียงเราเผลอไป ไม่ตั้งใจจะรักกันให้มันยั่งยืน

ฝืนไปตรมใจเปล่า

อยู่เดียวอาจเปลี่ยวเหงา ขอเพียงเราเป็นเพื่อน

เสียใจอาจจะเสียใจ คงไม่นานไปก็เลือน

อาจจะเหมือนเมฆลอยผ่านไป ทำใจก็ลืม

-----

เมื่อใดหากใจเหงา สองเรายังเป็นเพื่อน

แยกไปใช่จะร้าวกัน ยังผูกใจกันดั่งเหมือน

เพื่อนจะรักดังเดิมได้ไหม...นะเธอ

Sunday, December 2, 2007

ทำดีเพื่อพ่อ


เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 พวกเราในฐานะคนเขียนบล็อก/เว็บไดอารี่ ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยที่แข็งแรง และพวกเราปรารถนาที่จะทำความดีคนละหนึ่งอย่างเพื่อพ่อหลวงของพวกเรา

กฎ กติกา และมารยาทคลิ๊กดูได้ที่นี่

บีได้รับ Blog Tag ทำดีเพื่อพ่อมาจาก บล็อคของน้องธีร์ เสร็จแล้วก็มานั่งคิดว่า ความดีหนึ่งอย่างที่จะทำเพื่อพ่อหลวงของเราคืออะไรดีน้อ ... คิดแล้วคิดอีก ... สรุปแล้ว

"บีจะเป็นคนดีของครอบครัวและของสังคม รักษาศีลห้า และจะดำรงชีวิตโดยอาศัยหลักเศรษฐกิจอย่างพอเพียง"

แล้วก็ขออนุญาตแทนที่จะ post เพื่อนร่วมอุดมการณ์ไว้ในบล็อคนี้ ขอเป็นส่ง email ไปกระจายข่าวให้เพื่อนๆรับรู้ ถ้าเพื่อนคนใดได้อัพเดท blog แล้วไว้บีจะเอา link มาแปะไว้หน้านี้ :-)

Saturday, November 24, 2007

ยังมี

เธอเคยบอกว่าเธอไม่มีแม้ใครสักคนหนึ่ง

คงลืมว่าอย่างน้อยยังมีฉันไง

"วันใดที่เธอมีเพื่อนรุมล้อมเธอหรือยังมีใคร

เธอก็จะไม่เห็นฉันเลยคนดี"

แม้วันใดหัวใจเธอพ่าย จะมาแพ้ไปกับเธอ

และถ้ามีวันใดน้ำตาเธอเอ่อ จะร้องไห้เป็นเพื่อนกัน

หากเธอสมหวัง ในวันหนึ่ง

ให้รู้ว่าฉันยังยังแอบเห็นและชื่นชม

หากเธอท้อแท้ ฉันยังอยู่

"หากแม้นไม่เห็นฉัน จงโปรดรู้ไว้ว่าเธอใช่อยู่คนเดียว"

Wednesday, November 14, 2007

Priscilla Queen of the Desert The Musical

เห็นเมืองไทยมี CATS มีละครเวทีเรื่องบัลลังค์เมฆ มีละครเวทีเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่อยากดูแล้วไม่มีโอกาสได้ไปดู ก็เลยถือโอกาส หาเรื่องไปดูเรื่อง Priscilla (http://www.priscillathemusical.com/) จริงๆเค้ามาแสดงที่ Melbourne ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดูสักที เห็นพี่ที่ได้ไปดูมาแล้วโฆษณาว่าดีมากๆ เลยต้องหาโอกาสไปดูสักที และแล้ว ฤกษ์งาม ยามดี ก็ตกที่วันพฤหัสที่ 15 พฤศจิกายน ได้ตั๋วรอบสองทุ่มมาหนึ่งใบ หน้าตาเป็นเช่นนี้ตั๋วนี้เค้าส่งมาให้ทาง internet เป็น PDF format ให้ไป print (ที่บริษัท) เอาเอง แถมมีบอกวิธีการพับตั๋วให้ด้วย เรื่อง Priscilla นี้ จัดแสดงที่ Regent Theatre ซึ่งตั้งอยู่แบบไม่เด่นที่ถนน Collins ดูผ่านๆมันก็จะเป็นแค่ตึกๆนึง แต่ดูไม่ผ่าน ก็จะเห็นมีรองเท้าสีเงินแวววาวอยู่ข้างบน ซึ่งรองเท้าที่อยู่ข้างบนนั้นเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของละครเรื่อง Priscilla เลยก็ว่าได้
ส่วนข้างล่างนี้จะเป็นความวุ่นวายในโรงละคร
ตัวเนื้อหาก็จะเป็นการเดินทางจากซิดนีย์ไป Alice Spring ของสามคนนี้ระหว่างทางก็เกิดเรื่องราวมากมาย ไปอ่านเรื่องย่อเอาได้ทางเว็บไซด์ ... ให้ดูอีกหนึ่งรูป ถ่ายมาจากโปสเตอร์หน้าโรงละคร ผู้ชายในรูปเล่นเป็นช่างซ่อมรถส่วนรถที่เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก เค้าโฆษณาไว้ว่า หนัก 6 ตัน ราคาค่าสร้างรถอุปกรณ์ประกอบฉากก็ประมาณ 1 ล้านเหรียญ AUD เท่านั้นเอง ... หุ หุ หุ ... มันก็ดูเจ๋งดี ... ส่วนเครื่องแต่งกายนี่ออกแบบโดย คนได้รับรางวัลออสการ์เลยนะ มิน่า มันดูอลังการงานสร้าง เว่อร์กว่าเจ๊ไก่เยอะแยะมากมาย ... ระหว่างแสดงเค้ามีการจิกกัดคนดูด้วย เช่นในตอนแรก เปิดเรื่อง เห็นคนมาสาย ก็มีจิกกัดว่า น่าจะซื้อนาฬิกามาฝากพวกนี้ แล้วเล่นๆไปก็มีการมาเชิญคนดู ขึ้นไปเต้นเป็นหมู่คณะบนเวทีด้วย ... โดยรวมๆแล้ว เรื่องนี้สนุกดี ทั้งร้อง ทั้งเต้น ที่สำคัญ ขนาดไม่ได้เอาแว่นไปก็ยังสามารถเห็นหน้านักแสดงได้อย่างใกล้ชิด นั่งเกือบจะชิดติดขอบเวที ... เพลงเรื่องนี้ ส่วนมากก็จะเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะคุ้นเคย เช่น I will survive, I say a little prayer, I've never been to me, I love the nightlife, Always on my mind และ อีกมากมาย สรุปแล้ว เรื่องนี้สนุกดี

Sunday, November 11, 2007

เรือนไม้สีเบจ

... สวรรค์ส่งเรามาเกิดเพียงครึ่งเดียว ปล่อยอีกครึ่งหนึ่งของตัวเราไว้ที่ไหนก็ไม่รู้บนโลกกลมๆใบนี้ จิตวิญญาณของเรา จึงไขว่คว้าหาใครสักคนที่จะมาทำให้ชีวิตของเราเต็มบริบูรณ์ เสาะหา ติดตาม จนกระทั่งได้พบ ในวงแขนของกันและกัน ด้วยเหตุนี้ คนเรากอดตัวเองไม่พอ เราต้องกอดใครอีกสักคน แล้วให้เขากอดเราตอบ อ้อมแขนถึงจะสมบูรณ์ ...

- ว.วินิจฉัยกุล -

เย็นวันศุกร์

วันศุกร์ เป็นวันที่ดีที่สุดของวันที่ต้องไปทำงานในหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้น ทุกวันศุกร์ บีก็จะเลิกงานประมาณ หกโมงเย็น และวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากน้องๆ ชวนบอกว่า พี่ เย็นวันศุกร์ ไปกิน ajisen กันมั้ย บีก็ตอบไปว่า ไม่เอาอ่ะ เบื่อญี่ปุ่นจะแย่ ไปกันเถอะไม่ไปอ่ะ หลังจากที่ปฎิเสธไปแล้ว ก็คิดว่า แล้วเย็นนี้จะกินไรดีหว่า ว่าแล้วก็นึกขึ้นมาได้ พาสต้าดีกว่า ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว กินพาสต้าครั้งสุดท้าย ก็เมื่อครั้งที่ปุ๊อยู่เมลเบิร์น นานมากแล้วใช่ม๊า ว่าแล้วก็ตัดสินใจ ไปลองร้านพาสต้าที่ถนน Bourke ตัดกับ Crossley St. ซึ่ง Crossley เป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่อยู่ระหว่าง Exhibition และ Spring ชื่อร้านนี้แหละ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ในร้านไม่ค่อยมีที่นั่งมากนัก ที่นั่งในร้าน เค้าจัดเป็น เหมือน บาร์ เป็นสองแถว และด้วยความที่เป็นเย็นวันศุกร์ ร้านก็ค่อนข้างจะคึกคัก คนนั่งกันเกือบเต็มร้าน บีพอเห็นว่ามีที่ว่าง ก็เสียบ เจ้าของร้านและพนักงานเป็นคนอิตาเลี่ยน พนักงานและเจ้าของดูจะอารมณ์ดีกันมาก เสริฟไป คุยเล่นกะลูกค้าไป นอกจากนั้นแล้วยังมีร้องเพลงอีกตะหาก ...
ในร้านเล็กๆร้านนี้ มีเมนูไม่ให้สั่งอยู่ไม่กี่อย่าง รายการอาหารแปะอยู่บนผนังกลางร้าน ที่อ่านแล้วรู้จักก็เห็นจะมีไม่กี่อย่าง เช่าน ลาซานย่า สปาเกตตี้ มาริอาน่า ริซอตโต้ แล้วก็ สปาเกตตี้ซอสเนื้อ แต่ที่เห็นเค้ายกออกมาเสริฟตลอดเวลาเนื่องจากคนสั่งเยอะก็เห็นจะเป็น ลาซานย่า และ สปาเกตตี้ทะเล หลังจากที่ตัดสินใจอยู่สักพัก ก็เลือกสั่งสปาเกตตี้ทะเลตามที่เห็นอยู่ข้างล่าง อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ สปาเกตตี้ พูนจาน
หลังจากชิมแล้ว รสชาติผ่าน จริงๆไม่ใช่แค่ผ่าน อร่อยเลยล่ะ รสชาติดี ทีเดียว
หลังจากชิมไปได้สักพักใหญ่ ก็เห็น เค้ายืนคั้นน้ำส้มอยู่ข้างหน้า หลังจากได้กลิ่นน้ำส้มแล้ว เห็นทีจะต้องลองสั่ง มาชิม น้ำส้มคั้นสด รสชาติเหมือนส้มเช้ง อร่อยดี ปล. รายการเครื่องดื่มร้านนี้ก็มี น้ำส้ม น้ำแตงโม น้ำเปล่า และ กาแฟ ... มีเท่านี้จริงๆ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว จริงๆร้านนี้เค้าก็มีขนมด้วย เช่น แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล ชีสเค๊ก พุดดิ้ง และเค๊กชอกโกแลต หน้าตามันจะบ้านๆ เข้าใจว่าเป็น homemade แต่บีไม่เหลือท้องไว้กินขนมแล้ว แค่นี้ก็พุงเป่งจะแย่ หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับบ้าน จริงๆการที่เลือกกินร้านไกลๆบ้าน ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้มีโอกาสได้เดินย่อย ถึงบ้านก็นอนเล่นได้โดยไม่ถึงกะอึดอัดมาก

--->แล้วก็อิ่มอร่อยไปอีกหนึ่งมื้อ<---

Tuesday, November 6, 2007

Melbourne Cup Day

วันนี้เป็นวันหยุดของเมืองเมลเบิร์น เนื่องในโอกาส วันแข่งม้าแห่งเมือง หรือที่เรียกกันว่า Racing Day, Spring Carnival, Melbourne Cup
วันนี้ ผู้คนก็จะแต่งตัวดีๆ ผู้ชายใส่สูทผูกไทด์ ผู้หญิงเก๊าะใส่กระโปรงและที่สำคัญเลยต้องมีหมวก
เค้าแข่งกันที่หมวกเลยทีเดียวไปดูม้าแข่งที่สนาม ส่วนในเมือง ก็จะมีแหล่งรับพนัน หรือเรียกง่ายๆว่า รับแทงม้า กันเกลื่อนกลาด ขนาดใน ออฟฟิศ ยังมีรับแทง โดยกติกามีว่า จ่าย 5 เหรียญ เพื่อแทงม้าหนึ่งเบอร์ ถ้าม้าตัวที่แทงเข้าที่หนึ่งก็จะได้ 70 ที่สองก็ 60 ที่สามก็ 50 ถ้าเข้าที่โหล่ ก็ได้ 5 เหรียญ อิ อิ อิ ที่รู้กติกามารยาทเช่นนี้ เพราะเค้าส่ง อีเมล์มาบอกคนทั้งทีมก็ว่าได้ แต่ใคร ใคร่แทงก็แทง บีคนนึงที่ไม่แทง เก็บเงินห้าเหรียญเอาไว้ซื้อท๊อฟฟี่ฝากน้องธีร์ให้ฟันแปดซี่ที่มีอยู่ผุเล่นดีกว่า อันนี้ ได้กินชัวร์ๆ

ในเมื่อวันนี้เป็นหยุดและแดดก็ออก จะนอนอยู่บ้านเฉยๆก็กระไรอยู่ แต่งตัวออกไปเดินเล่นดีกว่า ไปไหนมาบ้างเหรอ ก็ไม่ไกล อิ อิ อิ เดินเล่นแถวบ้าน เริ่มจากเมลเบิร์นเซ็นทรัล เข้าห้าง Myer และปิดท้ายด้วย David Jones ช่วงนี้ ถ้าเดินเข้าห้างต่างๆ จะเห็นได้ว่า เค้าเริ่มประดับ ตกแต่งร้าน ด้วย theme คริสต์มาสกันแล้ว จะเห็นต้นคริสต์มาสกันดาษดื่น


แต่สิ่งที่บีเห็นแล้วสนใจ ก็คือของเล่นพวกนี้ น่ารักดีทีเดียว ราคาแพงอยู่ เหมาะกะการ ยืนดูเฉยๆเป็นอย่างยิ่ง

รูปที่เห็นทั้งหมดนี้ ได้มาจากร้าน David Jones และรูปข้างล่างนี้มาจากร้าน Target

และเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ร้านรวงต่างๆที่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าก็พากันหยุดหมด หรือถ้าเปิดก็เปิดแค่เที่ยงวัน หลังจากแวะชมเป็นที่อิ่มตาแล้วก็แวะกินเย็นตาโฟแสนอร่อยปิดท้าย ที่แถวร้าน Target เพื่อให้อิ่มท้อง จากนั้นก็เดินทางกลับมาบ้าน นอน \(--,)/ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ... อิ อิ อิ

Friday, November 2, 2007

ขนมญี่ปุ่น สุดอร่อย

ที่เมลเบิร์น มีร้านอาหารญี่ปุ่นในดวงใจอยู่ร้านนึง ชื่อ Japanese Cafe Restaurant www.sushiburger.com.au ร้านนี้มีอาหารอร่อยสุดยอดหลายอย่าง ใช้เวลาทำนานมาก กว่าจะประดิษฐ์ประดอยเสร็จ ถ้าจะไปนั่งกินที่ร้านควรจะเตรียมหนังสือไปด้วย เพราะกว่าจะได้กิน ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาทีแน่นอน ถ้าคิดจะไปกิน ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจแขวนท้องไปนั่งรอได้เลย เมนูที่อร่อยถูกใจสุดยอด ก็คือ sushi burger เป็น เบอร์เกอร์ข้าว มีให้เลือกกินหลายไส้ ที่บีสั่งบ่อยๆ ก็จะมีสองไส้ tempura burger กับ ebi mayo burger หลังจากที่กินแต่เบอร์เกอร์มาหลายที พยายามจะสั่ง daifuku มากิน ก็จะได้คำตอบกลับมาทุกครั้งว่า เสียใจด้วยนะ ขนมวันนี้ไม่มี คนทำขนมไปญี่ปุ่นยังไม่กลับ หลังจากเพียรพยายามอยู่หลายรอบ ... หึ หึ หึ ... ในที่สุด ...

วันนี้คนทำขนมก็กลับมา ... วันนี้เดินไปที่ร้านหลังจากที่สั่ง ebi mayo sushi burger มาหนึ่งชิ้น กลับบ้านก็หันไปเห็น daifuku ในตู้ ซึ่งมีแค่สองชิ้นเท่านั้น เค้าเขียนว่า Ichigo Daifuku โอ้ว!!! ไดฟุกุ ไส้สตรอเบอรี่ นั่นเอง ... เลยรีบหันไปบอกคนจดออเดอร์ว่า เหมา เอาสองก้อนในตู้มาให้หมด ... อิ อิ อิ ... หลังจากสั่งเสร็จแล้ว ก็ต้องไปเดินเล่นฆ่าเวลาสักสิบห้านาที ให้เวลาเค้าทำ burger สักหน่อย ปรากฎว่าเดินไปเดินมาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รีบเดินกลับมาเอาอาหาร ปรากฎว่า ในตู้ ก็ยังไม่เห็น daifuku เพิ่มในตู้ พอถามเค้า เค้าบอกว่า อ๋อ วันนึงเราทำไม่กี่ชิ้นค่ะ หมดแล้ว หมดเลย ... นึกในใจอยากกินที นี่แสนจะลำบาก ถ้ามาสาย อด!!! เอาเถอะ วันนี้เรามีกินแล้ว ...
พอกลับมาถึงบ้าน ลิ้มรส burger สุดอร่อยไปแล้ว ก็ลอง daifuku ไส้ สตรอเบอรี่ ...

ชิมซิ ชิม



หุ หุ หุ อร่อยสุดยอดจริงๆคับ ... อร่อยมากๆ ติดใจ ติดใจ ชอบสุดๆ

Sunday, October 28, 2007

ไปวัด

มีอยู่วันนึงหลังจากที่นั่งอ่านกระทู้ไกลบ้านในพันทิพเพลิน ก็เห็นมีคนโพสต์ข้อความไว้ว่า

วัดไทยนครเมลเบิร์น > เชิญร่วมทำบุญวันออกพรรษาและตักบาตรเทโว วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2550
สถานที่ 489 Elgar Road Box Hill
ทางคณะกรรมกราวัดไทยนครเมลเบิร์น จึงขอเชิญชวนชาวพุทธทั้งหลายได้เข้าร่วมไหว้พระ รับศีล ตักบาตรเทโว ในวันสำคัญดังกล่าว ตามกำหนดการดังต่อไปนี้
กำหนดการ
09:30น. ทำวัตรเช้า, นั่งสมาธิ
10:00น. ตักบาตรเทโว
10:30น. ไหว้พระ, รับศีล, ฟังธรรม
11:00น. ถวายภัตตาหารเพล
12:00น. ผู้ร่วมงานรับประทานอาหารกลางวัน

อ่านดูแล้วก็เกิดอาการสนใจ ในเมื่อวันอาทิตย์ก็อยู่ว่างๆอยู่แล้ว ไปวัดดีกว่า อยากจะรู้เหมือนกันว่า วัดไทยในเมืองแมวเบิ้ลนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร

หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าจะไป ก่อนเดินทางไปวัด ก็ต้องมีการถามพี่กูเกิ้ลว่า จากบ้านจะเดินทางไปวัดไทยได้อย่างไร พี่เกิ้ลก็แนะนำเว็บไซต์นี้ให้
http://www.wadthai.info/topic02_more.htm สรุปได้ความว่า ควรจะไปโดย Tram สาย 109 มุ่งหน้าไปทาง Box Hill หลังจากรู้สายรถแล้ว ก็เข้าไปใน เว็บไซต์ http://www.metlink.com.au/ เพื่อดูว่า ถ้าจะไปวัดให้ทัน สิบโมง ต้องออกจากบ้านกี่โมง Tram จะมากี่โมง หลังจากแพลนว่าจะไปยังไงแล้ว คืนวันเสาร์ ก็ต้องไปเดินซุปเปอร์ Safeway เพื่อหาของตักบาตร ก็ได้ น้ำผลไม้มาหกกล่อง นม UHT หกกล่อง อาหารเช้าแบบเป็นแท่ง หนึ่งกล่อง และ ส้ม อีกหนึ่งถุง เท่านี้ก็พร้อมที่จะไปตักบาตรเทโว

--> เช้าวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2550 <--


ก็ตื่นนอนตั้งแต่ 7:50น. อาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเดินทางไปวัด จากบ้าน ก็ต้องเดินสัก ห้านาที เพื่อจะไปขึ้น Tram สาย 109 ที่ Collin St.

ขึ้นรถเวลาประมาณ 9 โมงเช้า นั่งไปเรื่อยๆ ประมาณ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็จะเห็นป้าย 56 Elgar Road

ก็ลงจาก Tram มายืน งง งง ว่า แล้วจะไปทางไหนต่อ ในโพยเค้าบอกว่า ให้เลี้ยวซ้ายผ่าน Box Hill TAFE - Elgar Campus ก็มองหาแล้วไอ้ TAFE มันอยู่ไหนหว่า มองอยู่สักสามวินาที ก็เห็น ป้าย Box Hill Institute มันน่าจะใช่นะ ก็เลย เดินไปทาง Campus แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ ... อะ ฮ้า เดินได้ไม่ถึงห้านาที ก็มาถึงบ้านหลังหนึ่ง มีธงไทย โบกสะบัด พร้อมกะธงสีเหลือง เค้าเรียกว่าธงธรรมจักร(?) หรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่า นี่น่าจะใช่วัด ชัวร์ป้าบ ก็เดินเลี้ยวเข้าไปในบ้าน เอ้ย ในวัด ก็จะเห็นป้ายเขียนไว้ วัดไทยนครเมลเบิร์น ชัดเจน มาถูกที่ ชัวร์

หลังจากนั้นก็เดินมั่วๆไปทางหลังบ้านก็จะเห็นประชาชนชาวไทยหมู่หนึ่งกำลังจัดเตรียมข้าวปลา อาหาร บนโต๊ะ ยืนดูพร้อมประเมินสถานการ์ณอยู่ประมาณห้านาที เนื่องจากไม่แน่ใจว่า ตอนนี้คือกิจกรรมอะไร เนื่องจากไปถึงวัดตอนนั้นก็ประมาณ เกือบๆ สิบโมง ถ้าตามหมายกำหนดการน่าจะเป็นการตักบาตร อีกอย่างวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่ม Daylight Saving ดังนั้นเวลาก็จะปรับเดินไปข้างหน้าเร็วกว่าเวลาเมื่อวานหนึ่งชั่วโมง ยิ่งทำให้ไม่แน่ใจใหญ่ว่า หมายกำหนดการนั้นจะเป็นตามก่อนปรับเวลา หรือยึดเวลา หลังจากเปลี่ยนเวลาแล้ว ไม่นานนัก พระก็บอกว่า จะเริ่มทำทำวัตรแล้ว ขอเชิญทุกท่านเข้าไปในห้อง บีก็เลยเดินตามเข้าไปในห้อง ในห้องก็จะมีคนยืนแจกหนังสือสวดมนต์อยู่ บีก็ไปขอเค้าหนึ่งเล่ม แล้วก็หาที่เหมาะๆนั่ง หลังจากนั้นพระก็เริ่มพิธีโดยการนำสวดมนต์ บท ทำวัตรเช้า หลังจากสวดมนต์เสร็จก็มีการให้นั่งสมาธิ สักสิบนาที หลังจากทำจิตใจให้สงบ ก็จะเป็นการตักบาตรเทโว สถานที่ๆ ตักบาตรนั้นคือ บริเวณสวนหลังบ้าน เอ้ย หลังวัด ซึ่งมีการจัดโต๊ะไว้เป็นรูปตัว U ให้ประชาชนเอาข้าวสาร อาหารแห้ง มาวางไว้บนโต๊ะ โอ้ ลืมบอกไปว่า วัดนี้ มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ สามรูป มีคนพูดให้ฟังว่า พระมาจากวัดที่นครสวรรค์ หลังจากเอาอาหารวางบนโต๊ะแล้วก็จะมีคนมานำสวดมนต์เพื่อถวายภัตตาหาร หลังจากสวดเสร็จพระก็เริ่มเดินบิณทบาตร ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง การตักบาตรก็เสร็จ (ในวันนี้จะเรียกว่าตักบาตรเทโว เนื่องจากเป็นการตักบาตรในวันออกพรรษา)

หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องเดิม เพื่อที่จะรับศีล และ ฟังธรรม ซึ่งในวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่มาร่วมงาน ในวัดก็จะเห็นว่ามีฝรั่งบ้างประมาณเกือบสิบคน ดังนั้น หนังสือบทสวดมนต์ก็จะมีเป็นเวอร์ชั่นไทย และ อังกฤษ หลังจากกล่าวคำอาราธนาศีลเสร็จแล้ว ก็ฟังธรรม ซึ่งพระก็เอา เกร็ดประวัติของวันออกพรรษามาเล่าให้ฟัง ว่า ทำไม วันออกพรรษา ถึงต้องมีการตักบาตรเทโว แล้ววันออกพรรษามีความสำคัญอย่างไร หลังจากเล่าเวอร์ชั่นไทยเสร็จแล้ว พระก็มีการสรุปเป็น เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งก็น่าสนใจมาก ฟังพระธรรมเป็นภาษาอังกฤษ เป็นการแปลจากเวอร์ชั่นไทยแต่ย่อๆ เนื่องจากตอนพระเทศน์เสร็จแล้วนั้นเป็นเวลา สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว พระก็สารภาพมาตรงๆว่า พระเริ่มหิวแล้ว ช้ากว่านี้ อาจจะอดได้ จึงต้องขอสรุปอย่างย่อๆ ดังนั้นก็เลยมีการสวดมนต์เพื่อถวายเพล แล้วก็มีการลำเลียงอาหารมาตั้งโต๊ะเพื่อให้พระฉัน

พอเค้าเริ่มลำเลียงอาหารออกมา บีก็คิดว่า กลับดีกว่า ดังนั้นเลยเดินไปกราบพระพุทธรูป ร่วมบริจาคเงินทอดกฐินและสำรวจวัดเล็กน้อยแต่พองาม




แล้วก็เดินทางกลับบ้าน ขากลับจากวัด ก็เดินกลับไปขึ้นรถ Tram สายเดิม 109 มุ่งหน้าไปสุดสายที่ Box Hill ที่ Box Hill นั้นเหมือนจะเป็น mini china town ร้านอาหาร ร้านขายของซึ่งคนขายเป็นคนจีนมีอยู่เยอะมาก เห็นมีร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนึงท่าทางดูดี ชื่อ Hill Nooodle สักอย่าง ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาอาหารกลางวันกิน สั่งเตี๋ยวเป็ดย่างมาหนึ่งชาม รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ระหว่างกินเพลินอยู่นั้น ก็จะเห็นคนอื่นเค้าสั่งราดหน้า มีทั้งเส้นใหญ่และหมี่กรอบ หน้าตาดีมากๆ น่ากินเลยทีเดียว ไว้ถ้ามีโอกาสไปใหม่จะลองราดหน้าดูบ้าง พอกินเสร็จก็เดินสำรวจตลาดที่ Box Hill ในตลาดก็จะมีขายของสด เช่น ผัก และ ผลไม้ มีร้านใหญ่ๆอยู่หลายร้าน คนเอเชียเดินช็อบกันอย่างขวักไขว่ ไม่ค่อยเห็นจะมีฝรั่งมาเดินสักเท่าไหร่

บีก็เดินดูเล่นๆสักพัก ก็เดินไปที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟมุ่งหน้ากลับเมลเบิร์น Central :D แล้ววันนี้ ก็หมดไปอีกหนึ่งวัน ...

ปล1. ก่อนพระจะเริ่มฉันเพล พระบอกว่า วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน จะมีการทอดกฐิน โดยจะมีพระสงฆ์จากเมืองไทยจำนวนยี่สิบกว่ารูปเดินทางมาร่วมในงานทอดกฐินนี้ด้วย ...

ปล.2 วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายนจะมีการทอดกฐินที่วัดป่า http://www.wadthai.info/bodhivana.htm ฟังเค้าเล่ามาว่า วัดนี้เป็นวัดสายหลวงพ่อชา มุ่งทางด้านปฎิบัติ วัดอยู่ห่างจากเมลเบิร์นประมาณ 80 กิโล เอาเป็นว่า ถ้าบีไม่มีกิจกรรมอย่างอื่น หรือ ไม่ต้องไปทำงาน จะไปเก็บภาพการทอดกฐินมาให้ดู :D

Sunday, October 7, 2007

เนเธอร์แลนด์ ???

โฮ่ โฮ่ โฮ่ !!! และแล้ว บีก็มาอยู่ที่เมืองแห่งกังหันลม ประเทศที่มีทุ่งดอกทิวลิปเยอะแยะมากมาย และรองเท้าไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!เอิ่ม ... ไม่ใช่แหะ ... ก็อย่างที่บอกไปในบล็อกอาทิตย์ที่แล้วว่า ถ้าหายป่วยแล้ว จะเดินทางไปถ่ายรูปที่ tulip festival สักหน่อย ซึ่ง tulip festival นี้ เค้าจัดงานกันโดยประมาณหนึ่งเดือน อาทิตย์หน้าก็จะเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่เปิดให้เข้าชม ตอนแรก คิดๆอยู่ว่า จะเช่ารถแล้วขับไปเที่ยวเองดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา ไปรถไฟดีกว่า ถูกดี เลือกไปวันอาทิตย์ มีตั๋ว sunday saver ไปได้ทุกที่ ทุก zone ในราคา 2.50AUD ใช้ได้ทั้งวัน แถมที่งานทิวลิปเค้าก็มีรถรับส่ง ระหว่าง สถานีรถไฟ กะ ที่งาน ไปกลับคิดค่ารถ 3AUD เบ็ดเสร็จค่าเดินทางแค่ 5.50AUD เท่านั้น ถ้าเช่ารถไปเอง ก็ต้องเสียอย่างต่ำก็ 60AUD ประหยัดกว่ากันตั้งเยอะ หลังจากเลือกได้แล้วว่า จะเดินทางไปโดยรถไฟ ก็เข้า website http://www.connexmelbourne.com.au/ เพื่อดูตารางรถไฟว่า จะไปรถไฟสายอะไร ขึ้น Platform ไหน (9 and 1/2 หรือเปล่า) แล้วก็มีรถตอนกี่โมง เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปยืนรอรถไฟนาน คิดไปคิดมา ยอมตื่นเช้าหน่อยดีกว่า เลือกรถไฟรอบ 8 โมง 41 นาที จะได้ไปถึงสถานีรถไฟ Lilydale ตอน 9 โมงกว่า จากสถานีรถไฟ Lilydale ไป Tulip festival ก็สิบโมงกว่า พอดี โอ๊ะ โอ!!! ในเว็บเค้าบอกไว้ว่า รถไฟที่จะไป Lilydale ต้องลงรถไฟที่ Ringwood แล้วก็ต่อรถบัสซึ่งเค้าจัดเตรียมไว้ให้ไป Lilydaleแทน เนื่องจาก Ringwood ไป Lilydale เค้ามีซ่อมทาง เอาวะ ก็ยังดีที่เค้ามีแผนการรองรับไม่ให้ผู้โดยสารเดือดร้อน หลังจากวางแผนการเดินทางเสร็จแล้ว ก็รีบเข้านอนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ยิ่งกว่าไปทำงาน

---> เช้าวันอาทิตย์ <---

ตื่นมาตอนเจ็ดโมงครึ่ง ล้างหน้า ล้างตา อาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวไปสถานีรถไฟ melbourne central ให้ทัน 8โมง 41 นาที จริงๆแล้วเดินจากบ้านไปสถานีรถไฟนั้น ใช้เวลาแค่ ห้านาทีเท่านั้น ไปถึงสถานีรถไฟก็ติดต่อ เคาเตอร์ "sunday saver, please" จ่ายตังค์ไป 2.50 ก็ได้มาหนึ่งใบ จากนั้นก็ไปยืนรอที่ Platform เบอร์ 4 พอ 8โมง 41 นาที รถไฟก็มาพอดี ตรงเวลามากๆ เข้าไปก็เลือกที่นั่ง แล้วก็หยิบเครื่องมือ electronic คู่ใจ เพื่อนเที่ยวเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว นั่นก็คือ ipod นั่นเอง เอามาเสียบหูฟังเพลง นั่งไปประมาณ 45 นาทีก็ถึง Ringwood เค้าก็มีประกาศให้ลงไปต่อรถ พอลงจากชานชาลา เค้าก็ประกาศชัดเจนว่า จะไป Lilydale ให้เดินเลี้ยวขวาแล้วจะเจอรถจอดอยู่ บีก็เดินต่อไปขึ้นรถ นั่งจาก Ringwood ไปประมาณ 20 นาทีก็ถึง สถานีรถไฟ Lilydale พอลงจากรถ มองไปทางขวามือก็จะเจอรถบัสเขียนว่า Tulip Festival ชัดเจน ก็กระโดดขึ้นไป แล้วก็นั่งรถต่ออีกประมาณ 20 นาที ก็ถึง Tulip festival ที่ เมือง Silvan งานTulip Festival นี้ เค้าไม่ได้จัดให้เข้าชมฟรีๆ เค้าขายตั๋วคนละ 15AUD พอเดินเข้าไปก็เจอ ทิวลิป ทิวลิป ทิวลิป เต็มไปหมด (ก็แน่ละสิ ไป Tulip festival จะให้เจออะไร ถ้าไม่เจอทิวลิป) กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากถ่ายรูป ถ่ายรูป ถ่ายรูป จะว่าไป ทุ่งเค้าก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย และก็อาจจะเป็นอาทิตย์ก่อนจะสุดท้ายแล้วด้วยมั๊ง ดอกทิวลิป เลยดูโทรมๆ อ่อนละโหยโรยแรง เค้าก็จะมีปลูกต้นทิวลิปหลายๆสี สีชมพู สีเหลือง สีแดง แล้วก็จะมีปักชื่อพันธุ์เอาไว้ด้วย มีอยู่พันธุ์นึงที่จำได้ไม่ยาก ดอกสีแดงคล้ำออกดำ ชื่อพันธุ์มันก็คือ "Queen of the Night" เก๋ไม่หยอก จากนั้น สีเหลืองก็จะมีชือ Strong Yellow (คนคิดคงขี้เกียจสร้างสรรค์ชื่อให้มันยาก เลยเอามันโต้งๆเลย) ใช้เวลาเดินไม่นาน ถ่ายรูปเดินเล่น ประมาณ 45 นาทีก็หมดทุ่ง หมดทุ่งจริงๆนะ แบบว่า เดินจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ไปครบทุกแปลงแล้ว ใช้เวลา 45 นาทีเท่านั้นเอง ในงานเค้าก็จะมีอาหารเล็กๆน้อยๆขาย แล้วก็มีคนมาเล่นดนตรี โอ้ ลืมบอกไปว่า อาทิตย์นี้ ชื่อ theme ของเค้าจะเป็น Irish week ก็ไม่เคยไปไอร์แลนด์อ่ะนะ เลยไม่รู้ว่า บรรยากาศมันใช่ Irishหรือเปล่า

หลังจากเดินจนไม่มีไรจะเดินแล้ว บีเก๊าะเดินทางกลับ นั่งรถ ต่อ รถ ต่อ รถไฟ กลับมาถึงบ้านก็เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆเท่านั้นเอง ... อ่ะ ... โม้มามากแล้วดูรูปกันบ้างดีกว่า

นี่ไง Queen of the Night รูปล่างอ่ะ