Monday, April 30, 2007

คิดถึงน้องธีร์

จำได้ว่า วันที่น้องธีร์จะเกิด บี โม และ อาม่าของน้องธีร์ รีบตื่นกันแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปโรงพยาบาลพญาไท 3 รอดูหน้าหลานชายคนแรก ถ้าจำไม่ผิด เป็นวันที่ 11 มีนาคม 2006 เวลาเจ็ดโมงนิดๆ ธีร์ก็ออกมาดูโลก คนที่ฉุดคร่าธีร์ออกมาจากมารแม่ก็คือหมอสมหมาย คนที่ทำคลอดให้น้าๆของธีร์ทุกคนนั่นเอง ตอนที่เค้าเข็นน้องธีร์ออกมา หน้าตาธีร์ตลกมาก เหมือนลูกลิงเจี๊ยก ยังไงยังงั้น ไม่เชื่อดูรูปปลากอบข้างล่าง รูปนี้น้าบีถ่ายเองกะมือคุณพยาบาลเข็นออกมาให้ชื่นชม ถ่ายรูปอยู่ครู่เดียว ก็ต้องรีบเข็นพาน้องธีร์ไปเข้าเตาอบ เนื่องจากน้องธีร์ตื่นเต้น อยากออกมาดูโลกไวๆ เลยรีบออกมาก่อนกำหนดเกือบสองเดือน จริงๆ ใช่ว่าน้องธีร์จะตื่นเต้นคนเดียว น้าบีก็จำได้ว่า น้าบีก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้เห็นหน้าน้องธีร์ จำได้ว่า ก่อนน้องธีร์เกิด เรามีการคุยกันเล่นๆตามประสาพี่น้องว่า "ถ้าหลานเราไม่น่ารัก เราก็จะไม่รักหลานเรา" น้องธีร์คงได้ยินคำพูดนี้ตั้งแต่อยู่ในท้องของมารแม่ น้องธีร์คงกดดันเป็นอย่างมาก อิ อิ อิ จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็หนึ่งปีกะอีกเกือบสองเดือนแล้วสินะ อีก 11 วัน ก็หนึ่งขวบกะอีกสองเดือนพอดี น้าบีว่า เรามานั่งดูรูปน้องธีร์เดือนต่อเดือนดีมั้ย ว่าเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวน้าบีคัดมาเดือนละรูปละกัน ว่า ในหนึ่งปี น้องธีร์เรามีวิวัฒนาการเช่นไรบ้าง

เริ่มจาก มีนาคมหลังจากอยู่ในตู้อบได้สักพัก
เมษายน หลังจากออกจากตู้อบ ก็เลยพอง พอง พอง จำได้ว่าช่วงโน้น น้องธีร์นอนเก่งมาก ไปหาทีไรน้องธีร์ก็จะหลับทู๊กที ต้องแกล้งปลุกให้ตื่น ผิดกะตอนนี้ที่ทุกคนจะต้องบังคับบ้าง หรือพยายามที่จะเอาธีร์นอนเมื่อถึงเวลาอันสมควร

พฤษภาคม น้องธีร์กลายร่างเป็นเอเลี่ยน

เอ้ย ไม่ใช่ ช่วงนี้เค้าเป็นหลวงจีนน้อยตะหาก มีท่ารำมวยจีนที่สวยงาม วีดีโอรำมวยจีนของน้องธีร์ ขอชมได้จากมารแม่
เดือนมิถุนายน เค้าก็เริ่มตื่นมากขึ้น ลืมตามากขึ้น ขนมปังของเราก้อนนี้ก็ยังคงพองต่อปาย ดังรูปที่เห็นข้างล่าง

เดือนกรกฎาคม เด็กชายธีร์เริ่มรู้เรื่องมากขึ้น
สิงหาคม ถึงแม้ว่า จะดูโตขึ้น ตาก็ยังคงชี้อยู่นั่นเอง เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
กันยายน เค้าเริ่มที่จะนั่งได้แล้วนะเนี่ย เดือนนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยมั่นคง
ตุลาคม ซานต้าของเรามาก่อนเวลาถึงสองเดือน
พฤศจิกายน เดือนนี้น้องธีร์ต้องทำตัวเป็นของขวัญ เพราะเป็นวันเกิดคนซาหนิดถึงสองคนด้วยกัน

ธันวาคม ถึงธันวา ก็อายุ เก้าเดือนแล้วสินะ
มกราคม 2007 เริ่มจะแสบมากขึ้นเรื่อยๆ น้องธีร์ไม่ชอบการนอนเป็นอย่างมาก สามารถเล่นได้เรื่อยๆ

กุมภาพันธ์ น้องธีร์ก็กลายเป็นหนุ่มน้อย ใส่เสื้อเชิ๊ต ผูกเน็คไทไปทำงานที่ออฟฟิศสายสี่

มีนาคม น้องธีร์เก๊าะอายุครบ หนึ่งขวด ถึงตอนนี้ก็เกาะยืนได้แล้วค๊าบ

เดือนเมษายน คลานได้ความไวแสง ดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊กไปได้ทั่วบ้าน ฮิตที่จะทำจมูกหมู

อาม่าน้องธีร์บอกกะน้าบีไว้ว่า น้าบีเจอน้องธีร์อีกที น้องธีร์เค้าก็จะวิ่งให้น้าบีดู หึ หึ หึ น้าบีจะคอยดูนะคับ ว่าน้องธีร์จะสามารถทำได้เช่นที่อาม่าโฆษณาไว้หรือเปล่า อีกหนึ่งเดือนเจอกันคับน้องธีร์

Saturday, April 28, 2007

วันเสาร์เช้า กะ ตลาด Queen Victoria

อาทิตย์นี้ เราจะขอนำท่านผู้อ่านทั้งหลายไปเยี่ยมชมกิจการตลาด แหล่งที่ บีต้องไปเป็นประจำทุกวันเสาร์ ตอนเช้า เพื่อกักตุนข้าวของไว้ใช้ในยามขาดแคลน เราสามารถเห็นตลาดแบบไกลๆได้จากที่ห้อง เช่นนี้ ที่เห็นรถจอดเยอะๆ นั่นแหละ ควีนส์วิค

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วในตอนเช้าวันเสาร์ ก็จะออกจากที่พัก เลี้ยวขวาเพื่อไปถน A'Beckett Street พอถึงถนน A'Beckett ก็เลี้ยวขวาอีกที เดินไปเรื่อยๆ จนเจอถนน

ถูกต้อง Queen Street นั่นเอง พอเจอ Queen ปุ๊บ ก็เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอย่างไม่ลังเล พอเลี้ยวซ้ายปุ๊บก็จะมีป้ายแบบนี้มาบอกเพิ่มความมั่นใจให้อีกระดับนึงว่า ไม่หลงทางแน่ๆ ทางไปตลาดชัวร์ๆ

ป้ายเค้าบอกว่า ตรงไป เราก็เชื่อป้ายเค้าสักหน่อย เค้าคงไม่มาหลอกกัน เดินไปสักพัก ... ก็จะเห็นป้าย เพิ่มความมั่นใจให้อีกระดับว่า มาถูกที่แล้ว

ตลาดควีนส์วิคนี้ ไม่ได้เป็นตลาดที่เปิดขายของทุกวัน ปกติแล้วเค้าจะหยุดทุกวันจันทร์และวันพุธ และเปิดขายของไม่เย็นมาก บางทีถ้ามาสักบ่ายโมง ในวันเสาร์ ตลาดก็จะเริ่มวายละ โดยเฉพาะตลาดสด

ที่ตลาด มีที่จอดรถด้วย ราคาค่าจอดรถก็เป็นตามรูปข้างล่าง อิ อิ อิ ... ไม่เคยใช้บริการสักที เพราะไม่มีรถกะเค้า ถึงมี เดินมาก็ยังดีกว่า เพราะอยู่ใกล้บ้านแค่ห้านาทีเอง

ที่ตลาดนี้ ก็จะคล้ายๆกับจตุจักรบ้านเรา โดยเค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ มีข้าวของขายหลากหลายไปหมด ตั้งแต่ของที่ระลึก เสื้อผ้า รองเท้า

ทุกวันก็จะมีวงดนตรีมาเล่น นอกจากเล่นโชว์แล้วก็ยังมี CD ไว้ขายด้วย เผื่อใครจะสนใจ ปล. วันนี้วงนี้เค้ามาไม่ครบทีมและไม่เต็มยศด้วย ปกติชุดเค้าจะต้องอลังการกว่านี้ และคนเยอะกว่านี้

เมื่อเดินเข้าไปอีกสักหน่อย ก็จะเห็นรถขายโดนัท ร้านนี้มีผู้คนมายืนเข้าแถวรอเยอะเหมือนกัน แต่บียังไม่เคยซื้อมาลิ้มสักครั้ง ถ้าใครมีหนังสือ Lonely Planet เมืองเมลเบิร์นก็จะเห็นรูปรถคันนี้อยู่ในหนังสือด้วย และแล้วก็ถึงโซนที่บีต้องไปเยี่ยมเยียนเป็นประจำทุกอาทิตย์ นั่นก็คือ โซนผักและผลไม้ ผลไม้ในดวงใจที่ต้องไปขนกลับมาทุกอาทิตย์ก็คือ องุ่นไร้เมล็ด ราคาก็มีตั้งแต่โลละ 3 เหรียญ บางอาทิตย์ 5 เหรียญก็มี ซื้อมาทีกินได้ทั้งอาทิตย์

บางที การเดินตลาดควีนส์วิค ก็จะทำให้นึกว่า เดินตลาดอยู่ที่เมืองจีน เพราะพ่อค้า แม่ค้าผักทั้งหลายหน้าตาให้อยู่

นอกจากจะมีขายผักและผลไม้แล้ว ดอกไม้ก็ยังมีขาย

ร้านขายขนม พวกเจลลี่ที่คิมชอบกิน

นอกจากนี้แล้ว ที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นพวกร้านขายของที่ระลึก เสื้อยืดที่ระลึก ตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวใหญ่ ถึงใหญ่มาก
ผ่านร้านพวกนี้ทีไร ก็จะต้องแวะเข้าไปเยี่ยมเยียน เผื่อจะมีเสื้อยืดถูกๆ สกรีนเจ๋งๆ มาฝากน้องธีร์ ส่วนที่ screen ตลกๆ แต่ราคาไม่ได้ เราเก๊าะถ่ายรูปมาฝากอย่างที่เห็นนี่แหละค๊าบ


Sunday, April 22, 2007

อีสเตอร์ แอนด์ สงกรานต์ ณ ดาวน์ อันเดอร์ ตอนสุดท้าย

และแล้ววันหยุดช่วงอีสเตอร์ก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โอตะก็ต้องเดินทางกลับไปทำงานที่ซิดนีย์ ชาวคณะที่เหลือก็ต้องเริ่มวันอังคารด้วยการไปทำงาน ยกเว้น ทีมผู้มาเยือนเท่านั้นที่ไม่ต้องไปทำงานเป็นที่น่าอิจฉาเอามั่กๆ ดังนั้น ปุ๊ (aka นายแม่) กะน้องแก้ว สองสาวนี้ก็ได้ย้ายนิวาสถานอันใหญ่โตจากบ้านหมียักษ์มาอยู่ห้องเล็กๆของบีตั้งแต่วันจันทร์บ่ายๆ เพื่อให้สะดวกกับการออกไปช็อปปิ้งในตัวเมือง โดยมีโอตะเอารถมาส่งก่อนที่โอตะจะแยกย้ายไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน

เมื่อวันอังคารมาถึง บีต้องออกไปทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้า วันนั้นเรานัดแนะกันว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ร้าน rose garden ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนจานโต ราคาไม่แพง และ รสชาติดีระดับหนึ่ง จะเห็นได้จากร้านจีนร้านข้างๆ ถึงแม้ว่า จะใหญ่โตกว่า แต่ก็หามีลูกค้าเข้าร้านไม่ ผิดกับร้าน rose garden ที่ตอนเที่ยงๆมักจะมีคนรอล้นออกมานอกร้าน อาหารที่อร่อยที่เคยกินคือ spicy chicken wing, BBQ pork omelette, honey black pepper beef กินเสร็จบีก็กลับไปทำงานต่อ เท่าที่รู้ สองสาว แน้ชกะปุ๊ ก็เดินเล่นอยู่ที่ Queen Victoria จับจ่ายซื้ออาหารสดเข้าบ้าน และ ซื้อกล่องถาดเป็นจำนวนหนึ่ง มาช่วยจัดห้องของบีให้รกน้อยลง เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น (-/\-) ก็ขอขอบคุณมากค๊าบ มาในโอกาสนี้เลย

ระหว่างที่เพื่อนๆมาอยู่ด้วย นายแม่ก็ได้แสดงฝีมือทำอาหาร ทั้ง brunch และ อาหารเย็นให้รับประทานกันหลายมื้อเลยทีเดียว อาหารก็หลากหลายแนว มีทั้งฝรั่ง อิตาเลียน และอาหารไทย ดูรูปกันเลยดีกว่าว่าอาหารหน้าตาดีเพียงไร


นอกจากอาหารจะหน้าตาดีอย่างที่เห็นแล้ว รสชาติก็ยังดีอีกด้วย ทำให้อาทิตย์นั้น บีอิ่มหมีพีมันเลยทีเดียว

และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วหนึ่งอาทิตย์ วันศุกร์บีรีบเลิกงานกลับบ้าน เพราะนัดกันว่าจะไปเดินดูของ ikea ได้ของแต่งบ้านมาประมาณหนึ่ง เทียนวนิลา และเทียนขนมอีกสามชิ้น ชอบเทียนกลิ่นบราวนี่เอามากๆ เพราะว่า มันกลิ่นบราวนี่มากๆ สามารถดมกลิ่นเทียนแทนขนมแล้วอิ่มได้เลยทีเดียว (ประหยัดค่าอาหารเย็น อิ อิ อิ) พอจุดบราวนี่และวนิลาพร้อมกัน ประหนึ่งว่า กำลังกินไอติมวนิลากับขนมบราวนี่เลยทีเดียว ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...

ส่วนวันเสาร์ เราก็แพลนกันว่า จะไปเก็บแหล่งช็อปปิ้งสองแหล่ง แห่งแรกคือ Chapel Street และแห่งที่สอง แหล่ง Outlet ที่ Smith Street ช่วงเช้าเราไป Chapel Street กันก่อน แวะไป Praharn Market น้องแน้ชและปุ๊ก็ได้แมคคาเดเมียเม็ดโตติดมือกลับบ้าน พร้อมกับสตรอเบอรี่และกีวี พอเดินกันสักพักใหญ่ เราสามคนก็เริ่มหิว ก็เลยตัดสินใจกลับมาแถวไชน่าทาวน์ ไปกินติ่มซำที่ร้าน Shark Fin และเอาของกลับมาเก็บที่บ้านก่อนหนึ่งรอบ เพื่อให้สะดวกกับการไปเดินช็อปปิ้งรอบสอง ครึ่งบ่าย เราก็มุ่งหน้าไป Smith Street แหล่ง Outlet ก็มี Outlet เยอะพอสมควรแต่ส่วนมากมักจะเป็น Outlet ร้านกีฬาเช่น nike, adidas, converse มี quick silver, roxy และ billabong รวมๆกันอยู่ในร้านประปราย เดินจนเหนื่อยก็ได้เวลากลับ เนื่องจากคืนนั้น เรามีนัดปาร์ตี้ที่บ้านหมียักษ์อีกหนึ่งวัน

ในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่น้องแน้ชและปุ๊จะต้องเดินทางกลับเมืองไทย วันนี้ถือเป็นวันสบายๆ ตื่นสายๆ เดิน Queen Victoria Market เพื่อซื้อไส้กรอก เบคอน และน้องแน้ชพยายามหา lamb กลับบ้านแต่เนื่องจากเราสบายๆกันมากไปหน่อย ไปถึง ตลาดเนื้อสดก็เริ่มวาย เหลือเปิดอยู่ไม่กี่ร้าน ร้านที่เปิดก็ไม่มีขาย lamb ที่อยากได้ เราก็เลยเดินเอาของมาเก็บที่บ้าน unload กันก่อนหนึ่งรอบ และออกเดินทางไปซื้อ Krispy Kreme และ ขนมที่ Safeway น้องแน้ชก็ได้ Lamb แบบที่อยากได้ ที่ Safeway สุดท้ายและท้ายสุด เราก็เดินทางกลับมาบ้าน เพื่อที่ทั้งสองจะได้เตรียมตัวแพ็คของที่ซื้อมาทั้งหมดกลับบ้าน ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... ช่วงที่แพ็คของอยู่นั้น ทั้งนายแม่และน้องแน้ช ดูมุ่งมั่นมากๆ ไม่มีใครคุยกะใคร ต่างคนต่างยัด เอ้ย ต่างคนต่างเก็บกันเป็นระวิง

จะว่าไป ช่วงอาทิตย์ที่มีเพื่อนๆมาอยู่บ้าน ก็สนุกดีเหมือนกันเนอะ ถึงแม้ว่าบางทีจะมีอิจฉาบ้างว่า เราต้องตื่นนอนอาบน้ำ ไปทำงาน ขณะที่เพื่อนต้องตื่นนอน อาบน้ำและไปเที่ยว แต่ก็ยังรู้สึกดีที่บ้านไม่โล่งและว่างจนเกินไป

แล้วแวะมาเยี่ยมเยียนกันอีกน๊า .... จาก บี ผู้ติดใจกับการมีเพื่อนมาเยี่ยมเยียน


Saturday, April 21, 2007

อีสเตอร์ แอนด์ สงกรานต์ ณ ดาวน์ อันเดอร์ ตอนที่ 3

และแล้วก็มาถึงตอนสาม ซึ่งก็คือวันอาทิตย์อีสเตอร์พอดี สืบเนื่องมาจากเมื่อวานระหว่างเตรียมทำอาหารค่ำที่บ้านหมีเกิดอุบัติเหตุ ขวดตกและบาดเท้าของปุ๊ วันรุ่งขึ้นแผลเกิดบวม บีเลยเดินหายาใส่แผลให้รอบเมือง โดยออกจากบ้านตั้งแต่ 6:45 am (สาเหตุที่ออกเช้าเพราะชาวคณะนัดกันว่า 7:00am ล้อหมุน) เดินไป ika แถวบ้าน ปิดคับ เดินไป 7-11 แถว elizabeth ไม่มีขายคับ เอาใหม่ เดินไป 7-11 แถว swanston ไม่มีอีกเช่นกัน เอาวะ china town อาจจะมีร้านที่เปิดแต่เช้า ก็ไม่มีเหมือนกัน เดินไปเดินมาเกือบทั่วเมือง แล้วก็มาสิ้นสุดที่ QV เพราะได้นัดกับชาวคณะไว้ว่า จะไปรอขึ้นรถที่ QV ตอนแรก นัดกันดิบดีว่า ล้อหมุน 7 โมงเช้า นี่ขนาดออกจากบ้าน 6:45 เดินทั่วเมือง จนถึง 7:30am ก็แล้ว รถก็ยังไม่มา อะไรฟร้า หนาวและเหนื่อยนะเฟ้ย ... และแล้วเกือบๆแปดโมง ราชรถของเราก็มาถึง

วันนี้คณะของเรานัดกันว่าจะไป Great Ocean Road เตรียม pack lunch กันเลยทีเดียวและเนื่องจากประสบการณ์คราวที่แล้วสอนไว้ คราวนี้ บีก็เลยเตรียมพร้อม เสื้อหนาวอย่างหนา แต่เอาเข้าจริง วันนั้นโคตรร้อน แดดร้อนจัดมาก เสื้อหนงเสื้อหนาว ผ้าพันคอที่อุตส่าห์ขนมา เลยเป็นหมัน ไม่ค่อยได้ถูกใช้งานมากเท่าที่ควร ดูรูปกันเลยดีกว่า
ในวันนั้นคณะเราทำเวลาได้ดีมาก เนื่องจากหยุดน้อยที่ ทำให้เราสามารถกลับมาถึงเมลเบิร์นได้ก่อนสามทุ่ม และ คืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ได้ทำอาหารกินกันที่บ้านหมี เที่ยวอย่างเดียวก็เหนื่อยได้เน๊าะ

อีสเตอร์ แอนด์ สงกรานต์ ณ ดาวน์ อันเดอร์ ตอนที่ 2

หลังจากหมด Good Friday วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันสบายๆอีกหนึ่งวัน เราแพลนกันว่า วันนี้ เราจะไปดูเพนกวินตัวเล็กที่ฟิลิป ไอส์แลนด์ ก็เริ่มออกเดินทางด้วยน้องโตโยต้าทารูโกะ(มั๊ง ถ้าจำไม่ผิด) สีขาว ที่มิสเตอร์โอตะ เป็นผู้เช่ามา เริ่มแรก เรากะว่า จะไปที่มอร์นิ่งตันกันก่อน ที่นั่นได้ข่าวว่า มีบ้านหลังเล็กๆหลากสีที่ชอบปรากฎที่โปสการ์ด เสร็จแล้วเราก็ขับผ่านมอร์นิ่งตันไปโดยไม่ได้แวะ ด้วยความไม่รู้ ขับรถไปเรื่อยๆจนถึงชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร แต่หน้าตาเป็นแบบนี้เมื่อถึงแล้วสมาชิกทั้งหมดก็ลงจากรถไปเดินเล่น จากรูปข้างล่างจะเห็นว่าเราขาดสมาชิกไปหนึ่ง เนื่องจากสมาชิกคนนั้น(ก็คือไอ้น้องหมี)ทำหน้าที่เป็นช่างภาพอยู่นั่นเอง
หลังจากเดินได้สักพัก ก็พร้อมใจกันกลับโดยก่อนไปขึ้นรถ ทุกคนก็ลงความเห็นว่า กินไอติมกันเถอะ จะบอกว่า ร้านไอติมร้านนี้ที่ไปกิน เราเคยไปกินมาก่อนแล้วที่ร้าน sofia แถว Camberwell ไอติมยักษ์ที่กินเท่าไหร่ไม่หมดถ้วยเสียที่
หลังจากที่กินไอติมเสร็จเราก็ได้รู้ว่า แผนการที่จะไปฟิลิปไอส์แลนด์ได้เปลี่ยนไปแล้วเนื่องจากเราไม่ได้ขับรถมาทางที่จะไปฟิลิปไอส์แลนด์ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน ไป Maze แทน ระหว่างทางไป Maze ทางเลียบทะเล เราก็ได้เห็นบ้านหลังเล็กๆที่เค้าสร้างไว้เก็บเรือหน้าตาสีสันต์น่ารักอยู่หลายหลัง หลังจากแวะถ่ายรูปกันสักพัก ก็ได้ไปกันต่อเพื่อไปยัง Maze จุดมุ่งหมายของเราวันนี้ กว่าจะไปถึง Maze ก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็น ซึ่ง Mazeนี้ปิดหกโมงเย็น พยายามแล้วที่จะขอเค้าลดราคาแต่เค้าไม่ยอม จะว่าไป Maze นี่ก็น่ารักดีเหมือนกัน มีเขาวงกตที่ทำจากข้าวโพดด้วย น่าจะมีเวลามากกว่านี้อีกสักชัวโมง จะได้เดินดูให้ทั่ว ดูรูปกันเลยดีกว่า



แล้วเราก็เดินเล่นกันจน ได้เวลา Maze ปิด ขากลับเป็นทางลงเขาจาก Maze วิวสวยมากเลยทีเดียว เสียดายที่ไม่สามารถเก็บรูปที่สวยเท่าที่ตาเห็นมาฝากกันได้
ฟ้าเริ่มมืด พวกเราทั้งหมดก็เลยมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองเมลเบิร์น โดยแวะที่เมืองมอร์นิ่งตันเพื่อซื้อเสบียงกรังไว้ทำอาหารเย็นคืนนั้นและอาหารกลางวันวันรุ่งขึ้น เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันอีสเตอร์ ซึ่งร้านรวงต่างๆก็คงจะปิดอีกเช่นกัน เราก็เลยต้องเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว และแล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวัน