Sunday, May 27, 2007

Chapel Street

วันนี้วันอาทิตย์ ตื่นเช้ามา อาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปเดินตลาด แต่วันนี้ ตลาดที่จะไป มิใช่ ตลาดแถวบ้านแต่อย่างใด เป็นตลาดไฮโซ อยู่บนถนน Chapel Street แหล่งช็อปปิ้ง แห่งนึงของเมลเบิร์น

เริ่มต้นออกจากบ้านโดยการเดินไปร้าน IGA เพื่อซื้อบัตรรถ Tram แบบ Sunday Saver ราคา 2.50 AUD ใช้ได้ทั้งวัน ไปได้ทุก Zone ประหยัดคุ้ม จากนั้นเดินจากร้าน IGA แถวบ้านมุ่งหน้าไปยัง FlagStaff Garden เพื่อรอขึ้น Tram สาย 55 หลังจากยืนรอได้ประมาณ ห้านาที Tram ก็มา นั่ง Tram ไปเรื่อยๆ ผ่าน Crown Casino ไม่เคยเล่าใช่ม๊าว่า ที่เมลเบิร์นมี Casino จะเล่าได้ยังไง ในเมื่อบีก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้ Crown Casino มาก่อน วันนี้ได้มีโอกาส นั่งรถผ่าน ก็เลย ถ่ายรูปมาให้ดูกันสักหน่อย

หลังจากผ่าน Crown Casino ผ่าน South Bank จุดสิ้นสุดของ Tram สาย 55 นั้นคือ Domain Interchange ซึ่งมันก็เป็น interchange station จริงๆ มี Tram ผ่านหลายสายมากๆ

มองจากป้ายรถไป ก็จะเห็นสวนอยู่ด้านหลัง เป็นสวนขนาดใหญ่ ไว้วันไหนว่างๆ มีโอกาสจะไปถ่ายรูปสวนนี้มาให้ดูกันว่ามันมีอะไรบ้างวันนี้ดูจากด้านนอกไปก่อนละกันนะ

เมื่อเป็นจุดสิ้นสุดของ Tram สาย 55 เราก็เลยต้องลงเพื่อเปลี่ยนรถ มุ่งหน้าไป Chapel Street จาก Domain Interchange สามารถนั่งรถสาย 6, 8 หรือ72 ก็ได้ แต่เนื่องจากสาย 72 มาก่อนเป็นสายแรก เราก็เลยกระโดดขึ้นไป สาย 72 ผ่าน Albert park และสนามเทนนิส Albert ที่ใช้แข่ง Australian Open ด้วย จาก สนามเทนนิส นั่งต่อไปสักพัก ก็จะถึง ตลาด Prahran จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้นี่เอง วันนี้มาถึงตลาดค่อนข้างผิดหวัง เนื่องจากร้านเปิดน้อยมาก แทบจะเป็นตลาดร้าง ดูรูปตลาดเลยละกัน

หลังจากซื้อแมคคาเดเมียเสร็จแล้ว ก็เดินทางหาของกิน เดินไปเดินมา เจอร้านติ่มซำหน้าตาดี ท่าทางน่ากิน ก็เลยแวะเข้าไปกินสักหน่อย สั่งมาอย่างที่เห็น


หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว ก็เดินดูรอบๆ Chapel Street

ระหว่างเดินๆอยู่ได้เห็นรถคันนี้ เจ๋งจริงๆ คนขับเนี่ย อายุมากแล้ว พอเค้าเห็นว่าจะถ่ายรูปรถเค้า เค้าก็เลยหลบให้ เหลือแต่สุนัขหมาไว้ในรถให้เป็นนายแบบ
ตอนที่กำลังจะเดินกลับเห็นคุณลุงคนนี้นั่งสีไวโอลินอยู่หน้าร้านอาหาร เหมือนแกจะสีไวโอลินมานานมากๆ นิ้วแกเป็นลายเส้นไวโอลินเลยทีเดียว

PS: รูปฝากน้องธีร์ มิใช่ของฝากแต่อย่างใด อิ อิ อิ

Tuesday, May 22, 2007

คุยกะน้องธีร์

วันนี้ ขอเสนอ ภาษาธีร์ ปกติแล้วถ้าเวลา chat msn กับมารแม่ ถ้าได้เห็นภาษาหน้าตาแปลกๆ ก็พอจะเข้าใจได้เลยว่าเป็นภาษาธีร์ ปล่อยให้ธีร์พิมพ์สักพัก ก็จะ surprise ในความสามารถ ของธีร์ เนื่องจากบางที ธีร์สามารถพิมพ์เป็นคำๆได้ เช่น ที่นำมาให้ดูนั้น ธีร์สามารถ พิมพ์คำว่า "นม" ได้ ไม่รู้ว่า ธีร์จะบอกเป็นนัยๆหรือเปล่าว่าจะไปกินนมนอนแล้ว

บางที น้องธีร์ก็จะใบ้หวย โดยการบอกตัวเลขมาก เยอะแยะมากมาย ซึ่งนำไปซื้อเลขท้ายแล้วก็ยังไม่ถูก บางที น้องธีร์ก็สามารถกด Ctrl + Enter เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่ใน MSN ได้ สามารถเขียนหลายๆ บรรทัดได้ก่อนที่จะเคาะ Enter แล้วส่งมาให้น้าบีอ่าน ... เก่งๆจริงๆ น้อ ... น้องธีร์เนี่ย


Sunday, May 13, 2007

Yarra Valley

ที่เมลเบิร์น มีแหล่งไวน์ขึ้นชื่ออยู่ที่นึง ชื่อว่า Yarra Valley ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้มาอยู่ที่เมลเบิร์นแล้ว ก็ต้องขอไปเยี่ยมเยียนดูกิจการไร่องุ่นเสียหน่อย ว่า ไอ้ที่ขึ้นชื่อนั้นเป็นอย่างไร วันนี้ เป็นวันอาทิตย์แท้ๆ แต่มีความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนวันไปทำงาน เนื่องจากวันนี้เราจะไปทัวร์ไร่องุ่น รถจะมารับที่หน้าโบสถ์เวลา 9:30am ซึ่งโบสถ์อยู่ตรงถนน Swanston ตัดกับ Flinders St. แถวๆ กับ Flinder Station หรือ หัวลำโพงของฝรั่งนั่นเอง อิ อิ อิ พอถึงเวลาเก้าโมงครึ่ง เราก็เริ่มออกเดินทางกันโดยรถบัสคันไม่ใหญ่มากดังที่เห็นในรูป


มุ่งหน้าไป Yarra Valley ซึ่งวันนี้มี Plan ไว้ว่า จะแวะไร่องุ่น ทั้งหมด สี่ไร่ด้วยกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ หนึ่งชั่วโมง จากตัวเมืองเมลเบิร์น ไปยัง Yarra Valley

ไร่แรกที่แวะไปเยี่ยมเยียนชื่อว่า Yering Farm เป็นไร่ที่เล็กที่สุดในบรรดาสี่ที่ที่เราจะไปในวันนี้
พอไปถึง เค้าก็จะมีให้ชิมไวน์ มีสอนว่า วิธีการดมไวน์นั้น ดมอย่างไร ดื่มอย่างไร ไร่นี้เค้ามีไวน์ทั้งหมดสี่ชนิดให้เลือกชิม ถ้าใครอยากชิมเพิ่มอีกก็ได้ เค้าก็อนุญาต ดังนั้น การชิมไวน์ในวันนี้ ก็เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 10:30am หัววันอยู่ ไวน์ที่เค้านำมาให้ชิมนั้น มีทั้งไวน์ขาว และ ไวน์แดง เค้าบอกว่า แก้วชิมไวน์จะเป็น size เล็ก การรินไวน์ให้ชิมนั้น จะรินแค่ตรงส่วนที่กว้างที่สุดของแก้ว และ จิบได้ประมาณ สามจิบ สี่ชนิดก็สิบสองจิบเข้าไปแล้วในไร่แรก แต่จะบอกว่า ที่ชิมไป ไม่เห็นจะชอบเลยสักกะอัน

ไปดูไร่ที่สองกันเลยดีกว่า ไร่ที่สอง ชื่อ RochFord
เป็นไร่ที่เราจะแวะรับประทานอาหารเที่ยงด้วย ที่นี่บรรยากาศดีมาก กว้างและใหญ่กว่าอันแรก ร้านอาหารใหญ่โต และอีกเช่นเคย ที่นี่เค้าก็มีไวน์ให้ชิมอีกเหมือนกัน จำได้ว่า ประมาณ 4-5 ชนิดได้ มีทั้งไวน์ขาว และ ไวน์แดง หลังจากชิมไปสักพัก ก็ย้ายไปทานอาหาร อาหารเที่ยงวันนี้ของเราคือ Pork Rib ไม่อิ่มเลยอ่ะ บรรยากาศดี อาหารเฉยๆ หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว เค้าก็ให้เดินเล่นเดินดูสักพัก พอได้เวลาก็เคลื่อนขบวนกันไปที่ไร่ที่สามต่อไป

ไร่ที่สาม ชื่อว่า Yering Station
เป็นไร่องุ่นขนาดใหญ่ อาณาบริเวณดูกว้างขวางและสวยงามดี น้องแก๊ปที่ไปด้วยบอกว่า ที่นี่เค้ามีให้พักด้วยนะ พร้อมสปา คืนละ ประมาณ 300 เหรียญ เช่นเคย ที่นี่ก็มีไวน์ขาว แดง และ sparkling wine ให้เลือกชิม ชิม ชิม

นอกจากจะมีไวน์ให้ชิมแล้ว เค้าก็ยังมีขนม แยม และ ซอสต่างๆขายอีกด้วย


หลังจากที่เราอยู่ที่นี่กันสักพัก ก็ได้เวลาเคลื่อนย้ายไปที่สุดท้าย


ไร่สุดท้ายที่เราไปวันนี้ชื่อว่า Domaine Chandon เข้าใจว่า ที่เด่นๆของไร่นี้คือ Sparkling Wine หรือ แชมเปญนั่นเอง ณ ที่นี่ เค้าก็จะมีพาไปดู ถังบ่มไวน์ อธิบายวิธีการทำไวน์ การหมักไวน์ และท้ายที่สุด ก็มีไวน์ให้ชิมอีกแล้ว ที่เค้าเอามาให้ชิม ทั้งหมด จะเป็น Sparkling มีทั้ง ขาว แดง บรรายากาศที่ไร่นี้ ดีมาก สวยดี








ไร่องุ่นที่นี่ เค้าจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปดูองุ่น เพราะเค้ากลัวเชื้อโรคที่ติดมากับรองเท้า กลัวว่า จะทำให้องุ่นเค้าตาย ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปดูองุ่นอย่างใกล้ชิด ที่เดินมาทั้งหมดสี่ไร่นั้น เพิ่งจะมาเห็นองุ่นที่ใช้ทำไวน์กันที่ไร่สุดท้ายนั่นเอง หน้าตามันก็จะเป็นประมาณนี้

หลังจากท่องเที่ยวอยู่ที่ไร่สุดท้ายได้ถึงสามโมงครึ่ง ก็เริ่ม เคลื่อนขบวนกลับมายังเมืองเมลเบิร์นอีกครั้ง ถึงเมลเบิร์นก็ประมาณ สี่โมงครึ่ง กำลังดี ไม่เย็นมากจนเกินไป อิ อิ อิ แล้ววันนี้ ก็หมดไปอีกหนึ่งวัน

Saturday, May 12, 2007

Little Italy

วันนี้ ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง จากตอนแรกว่าจะนอนตื่นสายๆเสียหน่อย เพราะอากาศน่านอนเหลือเกิน ขมุกขมัวไร้แดด เฮ้อ แต่ก็มีคนส่ง message มาปลุก ขอความช่วยเหลือแต่เช้า ก็เลยต้องตื่นมา เปิดคอม และ ต่อเข้าไปที่ office เพื่อที่จะทำงาน หลังจากที่พยายามนั่งทำงานที่บ้านอยู่สักพัก ก็ทนไม่ได้ เนื่องจาก กว่าจะเปิดโน่นเปิดนี่ได้แต่ละอย่าง ช้าเหลือเกิน เลยต้องอาบน้ำแต่งตัว เดินไปที่ office พอได้เดินออกไป โอ้โห ... อากาศวันนี้ดีเหลือเกิน แดดออกแล้ว น่าไปเดินเล่นมากๆ ดังนั้น ก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปปั่นงานแก้โน่นแก้นี่ให้เค้าทำงานต่อได้เสร็จ ก็รีบออกจาก ออฟฟิศ เอาคอมมาเก็บที่บ้าน แล้วเปิด lonely planet ดูว่า วันนี้ควรจะไปไหนดี ดูไปดูมา ก็ตกลงใจว่า ไปหาของอร่อยๆกินที่ Lygon ดีกว่า จริงๆที่นี่อยากจะไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส วันนี้เลย ไปเลยละกัน

ในหนังสือ lonely planet บอกไว้ว่า Lygon จะมีแหล่งชุมชนชาวอิตาเลียนอาศัยกันอยู่ เค้าเลยเรียกแหล่งนั้นว่า Little Italy ของ Melbourne ถ้าเดินทางออกจากบ้านก็ต้องไปขึ้น Tram ที่ Swanston St. สาย 1 หรือ สาย 8 ก็ได้ แล้วไปลงตรง University of Melbourne จากนั้นก็เดิน ไปอีกประมาณนึงเพื่อไปที่ถนน Lygon

ถนนนี้ มีอะไรบ้าง ก็มีร้านขายของ ขายเสื้อผ้า รองเท้า

และที่เด่นสุดๆเห็นจะเป็นร้านอาหาร ถนนเส้นนี้มีร้านอาหารอิตาเลี่ยนเยอะมาก ทั้งร้าน pasta ร้าน pizza จะเห็นสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารอิตาเลี่ยน แต่ละร้านหน้าตาหน้ากินอยู่



และในที่สุดก็เลือกมาหนึ่งร้าน ร้านที่ไปกินวันนี้ชื่อร้าน "Tiamo" ตอนแรกกะว่าจะนั่งข้างนอกร้าน ริมถนน แต่เนื่องจากคนเยอะๆสุดๆ เลยต้องมานั่งในร้าน บรรยากาศในร้านก็เป็นอย่างที่เห็น

ร้านนี้เวลาถามหาเมนู เค้าจะไม่เอาเมนูมาให้ เค้าบอกให้หันมองข้างฝาเอา นั่นแหละ เมนู

เมนูก็จะมีทั้งของคาว และ ของหวาน

บีก็เลือก pasta มาหนึ่งเมนู เป็นสปาเกตตี้ ผัดซอสมะเขือเทศ ใส่หอยแมลงภู่ อร่อยมั่กๆ พยายามถ่ายรูปมาฝากแล้ว แต่ เนื่องจากในร้านมันมืดมาก รูปที่ถ่ายออกมาเลยเบลอไม่ชัด ก็เลย ไม่สามารถนำรูปมาฝากได้ ไว้ ถ้าใครมาเยี่ยมเยียน จะพาไปชิมก็แล้วกัน

หลังจากอิ่มหมีพีมันกับอาหารอิตาเลียนรสเลิศแล้ว ก็เดินต่อไปอีกสักพัก ก็จะเห็น ไอติม ... Gelato ไอติม Gelato แล้วก็ Gelato หลายร้านมากๆ ทุกๆร้าน บอกว่า เป็น Italian homemade ทั้งหมด แต่ด้วยความที่อิ่มมากๆ วันนี้เลยไม่มีท้องไว้ชิม ไอติม เลยไม่สามารถบอกได้ว่า อร่อยหรือเปล่า เอาไว้คราวหน้าถ้าไปใหม่ จะไปชิม แล้วมาบอกละกัน หน้าตามันก็น่ากินอยู่ใช่ม๊า



หลังจากเดินดูโน่น ดูนี่ และดูนั่น สักพักใหญ่ ก็คิดว่า ถึงเวลาที่ควรจะกลับได้แล้ว ก่อนกลับ ก็มีโอกาสได้แวะเยี่ยมร้านขายช็อคโกแลต มีคนบอกว่า ร้านช็อคโกแลตร้านนี้อร่อยมากๆ ชื่อร้าน KOKO Black ขาย สารพัด ช็อคโกแลต รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของช็อคโกแลตด้วย




ร้านแบบว่า ขายแต่ช็อคโกแลต ช็อคโกแลตเลย ในเมืองไทยไม่ค่อยจะเห็นมี หรือว่า มีแล้วบีไม่รู้ ก็ไม่รู้ แต่ที่นี่ มีร้านขายช็อคโกแลตอยู่หลายร้านเหมือนกัน ทำช็อคโกแลตขาย แต่ละร้านก็จะดูเหมือนเป็นร้านเก่าแก่ มีลูกค้ารอซื้อช็อคโกแลตอยู่มากมาย

พรุ่งนี้ ที่เมลเบิร์น หรือ ที่ออสเตรเลีย เป็นวันแม่ ถึงแม้ที่เมืองไทยจะยังไม่ใช่วันแม่ แต่ยังไงก็ตาม ขอให้คนที่เป็นคุณแม่ทุกคนมีความสุข รักหม่าม๊า และ คิดถึงทุกคนมั่กๆ ...