Tuesday, June 24, 2008

กองทัพเดินด้วยท้อง

ถ้าใครติดตามบล็อคน้องธีร์จะเห็นได้ว่า เคยมีการเอารูปอาหารส่วนหนึ่งจากร้านแดง ณ สมุทรสงคราม มาลง วันนี้ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชิมอีกครั้ง (รู้สึกว่า ช่วงนี้ ร้านนี้เป็นร้านอาหารยอดฮิต ไปบ่อยเหลือเกิน) ไปเพชรบุรีทีไร ขากลับต้องได้แวะทุกครั้งไป วันนี้เลยเอารูปมาลงเพิ่มเติม

เริ่มจาก ปูผัดพริกไทยดำ จานละพันห้า (--")\

กุ้งทอดกระเทียม
ปลากระพงทอดน้ำปลา
หอยหลอดผัดกระเทียม รสชาติเป็นมิตรขึ้น หลังจากที่คราวที่แล้ว สั่งผัดฉ่า เผ็ดเกินไป พ่นไฟได้เป็นนาจาเลยทีเดียว

จริงๆ เราไม่ได้กินกันเท่านี้ เรายังมี ข้าวผัดกุ้งจานใหญ่อีกสองจาน และ ต้มยำปลาทู อีก ผักหวานคราวนี้ไม่มีเพราะ ผักจะมาส่งช่วงเย็นวันนี้ ส่วนเนื้อปู ก็ยังไม่มีเหมือนกัน ดังนั้นอาหารของเราจึงมีแต่เพียงเท่านี้ พอถึงตอนจบ ก็อิ่มเกินไปอีกแล้วคับพี่น้องคับ ... เอื๊อก ... อิ่ม

Saturday, June 21, 2008

เหตุเกิดจากความสงสัย หรือ กวนทีน ???

ทำไม คนที่เราไม่ชอบหน้าทำดีกะเรามากมาย เราก็ยังไม่ชอบหน้าอยู่ดี แต่กับคนที่เราชอบหน้า ถึงแม้ว่า เค้าจะทำไม่ดีกับเราสักแค่ไหน เราก็ยังหาเหตุผลมาลบล้างความไม่ดีที่โดนกระทำ แล้วก็หลับหูหลับตา อภัยให้เค้าแล้วก็ชอบเค้าได้ต่อไปอยู่ดี หรือคนเราส่วนใหญ่เป็นพวกซาดิสต์

ทำไม คนเราชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่พอเรื่องของตัวเองกลับไม่อยากให้คนอื่นมายุ่ง วุ่นวาย ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะอยากรู้เรื่องของคนคนหนึ่งเป็นพิเศษว่า เค้าสบายดีมั้ย ทำอะไรอยู่ อยู่ดี มีสุข หรืออย่างไร โดยที่เราไม่ได้คิดว่า การที่เราอยากรู้มากจนเกินไปหรือถ้าเค้ามาทำอย่างนี้กับตัวเราเอง เราอาจจะเกิดการรำคาญ และขอร้องคนอยากรู้อยู่ในใจว่า "ไม่รู้สักเรื่องได้มั้ย"

ทำไม ฮอร์โมนถึงมีผลกับอารมณ์ ยกตัวอย่างเช่น คนมักจะพูดว่า ผู้หญิงตอนมีประจำเดือน ไอ้ฮอร์โมนนิสัยไม่ดีตัวนึงจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ฉุนเฉียว โกรธง่าย โกรธได้โดยไร้เหตุผล ส่วนผู้ชายบางคนพออายุมากเข้า ไอ้ฮอร์โมนนิสัยไม่ดีตัวนึงก็จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้มีอาการเอาแต่ใจตัวเองอย่างเหลือร้าย ไม่มีเหตุผล ขัดใจไม่ได้ ขัดใจจะเกิดอาการปี๊ด เป็นที่เดือดร้อนของผู้ใกล้ชิดเป็นอันมาก ข้อสงสัยข้อนี้เป็นการสงสัยใคร่รู้ในเชิงวิชาการ อยากได้วิทยาศาสตร์มาช่วยอธิบาย แต่ขี้เกียจ search หาในพี่เกิ้ลด้วยตัวเอง อาการที่ยกตัวอย่างนี้ มันจะใช่เพราะฮอร์โมนจริงๆเหรอ หรือเป็นสิ่งที่ยกมาเป็นเหตุผลให้ผู้เดือดร้อนอยู่รอบข้างพยายามทำใจแล้วก็อภัย เอาเจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นไอ้ปื๊ด ไว้โทษมันฝ่ายเดียว แต่ถ้ามันเป็นเพราะฮอร์โมนจริงๆ เราจะรักษาอาการที่ว่านี้ได้มั้ย โดยการเพิ่มหรือลดเจ้าฮอร์โมนตัวนี้ให้เค้า หรือการรักษาทางเดียวที่ดีที่สุดและควรทำ คือ คนรอบข้างควรจะทำใจ ยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็น หาเสื้อเกราะกันกระสุนหรือหายันต์จากเจ้าพ่อ เจ้าแม่ที่น่าเชื่อถือมาพกไว้และปล่อยเค้าเป่งพลังใส่เราต่อไป

ข้อสงสัยยังมีอีกมากมาย แต่ถ้าเขียนต่อไป คนอ่านบางคนอาจจะเข้าใจว่า ไอ้นี่มันว่างเกินไป คิดไรฟุ้งซ่านไร้สาระอีกละ ดังนั้นขอจบแต่เพียงเท่านี้ดีกว่า เพื่อตัดตอน และคนเขียนจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อไป

ปล. แรก ข้อแนะนำในการอ่านบล็อคนี้คือ ไม่ควรร้อนตัว อ่านผ่านๆไป เพื่อการบันเทิง อ่านจบแล้วจบกัน

ปล. ต่อไป ความสงสัยเหล่านี้ ไม่ได้เป็นข้อสงสัยที่เขียนขึ้นมาเพื่อล่อเป้า หรือ เพื่อสร้างประเด็นให้เกิดความร้าวฉานแก่ผู้อ่านคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ เป็นคำถามที่คนเขียน สงสัยเล่นๆ แล้วใช้บล็อคเป็นกระดาษทดเท่านั้น

ปล. สุดท้าย ทำไมต้องมีปล. แรก และ ปล.ต่อไป ทำไม ไม่รวมไว้เป็น ปล.เดียวล่ะ

(-/\-) สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน

Thursday, June 19, 2008

เบื้องบนยังมีแสงดาว

เมื่อวานได้มีโอกาสนั่งอ่านหนังสือ ที่เพื่อนคนนึงให้มาตั้งแต่ คริสต์มาสปีที่แล้ว เป็นหนังสือเล่มเล็ก ที่ใช้เวลาอ่านเพียงไม่นานก็จบเล่ม แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้นั่งอ่าน หนังสือเล่มนี้ ชื่อ "เบื้องบนยังมีแสงดาว" ของ วินทร์ เลียววาริณ

หน้าปกเค้าบอกว่า เป็นหนังสือเสริมกำลังใจ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... ไม่แน่ใจว่าที่เพื่อนให้มานี่เป็นเพราะหน้าตา ดูเหมือนเป็นคนขาดกำลังใจหรืออย่างไร ... อิ อิ อิ ... ไหนๆก็ได้อ่านแล้ว ก็ขอยกตัวอย่างบางส่วนมาแบ่งปันเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้กะผู้อื่นด้วยก็แล้วกันเนาะ

หากเปรียบชีวิตในแต่ละวันเป็นลูกเต๋า หมายเลข 1 คือ สุขระดับต่ำสุด หมายเลข 6 คือ ความสุขระดับสูงสุด โอกาสที่จะทอดให้ได้ "สุขสูงสุด" ในหนึ่งวันมีเพียงหนึ่งในหก โอกาสที่จะทอดได้หมายเลข 6 ทุกวันเป็นเวลาเต็มหนึ่งปีต่ำกว่านั้นมาก และต่ำลงไปอีกหากควาดหวังว่าจะสุขทุกวันที่เหลือในชีวิต

"วันดี" ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระดับ "วันดี"ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน "วันไม่ดี"ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน "วันไม่ดี"ของบางคนเกิดขึ้นนานๆครั้ง ของบางคนเกิดขึ้นแทบทุกวัน แล้วพาลระบายความอึดอัดออกไปให้ผู้อื่น พลอยทำให้วันดีของคนอื่นกลายเป็น "วันไม่ดี" ไปด้วย (พออ่านถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า เออ แหะ เหมือนเคยเจอกับตัวเองบ้าง บางครั้ง :P ) ชีวิตในแต่ละวันไม่เหมือนกัน และนี่คือเสน่ห์ของการใช้ชีวิต คือสุขปนทุกข์

ปราชญ์กรีก โซเครติส กล่าวไว้ว่า "จำไว้เถิดว่าเรื่องของมนุษย์นั้นไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้นเลี่ยงความสุขอันไม่จำเป็นเมื่อรุ่งเรือง หรือความหดหู่หม่นหมองโดยไม่จำเป็นในห้วงยามของความยากลำบาก" เวลาสุข อย่าลืมทุกข์ เวลาทุกข์อย่าลืมสุข

"ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนั้นก็จัดว่าเป็นวันที่ดีได้"

Saturday, June 14, 2008

เพื่อน

เคยลองนึกกันหรือเปล่า ว่า เพื่อนที่ทุกๆวันนี้คบกันมา เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว สำหรับ บี เพื่อนที่คบกันนานมากที่สุดเห็นจะคบกันมา 25 ปีละโดยประมาณการ รู้จักกันตั้งแต่ ป.มูล (เข้าใจว่า เทียบชั้นอนุบาลสามนะ ที่เขมะฯ จะมีชั้น ป.มูล ก่อนขึ้นชั้น ป. 1) จนปัจจุบันนี้เราก็ยังรู้จักกันอยู่ ได้คุยอัพเดทกันบ้างตามที่โอกาสจะอำนวย เพื่อนคนนี้มันชื่อ ฝน ไอ้ฝนเล่าว่า ตอนเด็กๆ มันจะเกลียดหน้าบีมาก เพราะว่า บีเป็นคนดี และ เรียบร้อย :P ฮ่า ฮ่า ฮ่า รู้จักกันมาหลายปีดีดัก มาสนิทสนมกลมเกลียวกันตั้งแต่ตอนที่มีเหตุให้ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่เบญจมฯ ความบังเอิญทำให้ต้องอยู่ห้องเดียวกัน ความดีและความเรียบร้อยในตัวบีเริ่มหายไปในสายตามัน เรากินขนมในห้องเรียนด้วยกัน โดดเรียนพร้อมกัน เล่นเกมส์ในห้องเวลาเรียนด้วยกัน(พูดให้ดูดีแต่จริงๆแล้วคือเล่นไพ่ Slave) แล้วบางทีก็โดนทำโทษพร้อมกัน พูดถึงไอ้ฝนแค่นี้พอ เพราะบล็อคนี้เรื่องที่จะพูดถึง ไม่ใช่เรื่องมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จะว่าไปชีวิตที่โรงเรียนสมัย มัธยมปลาย ไม่เหมือนไปโรงเรียน เหมือนไปเล่นกับเพื่อนมากกว่า ช่วงนั้นเลยเป็นช่วงติดเพื่อนช่วงหนึ่งของชีวิต สนุกสนาน เฮฮาไปวันๆ ตื่นเช้าไปโรงเรียน เริ่มกิจวัตรประจำวันด้วยการนั่งตุ๊กๆ ไปบ้านเพื่อนเพื่อขอกินโจ๊ก จนหลังๆกลายเป็นกิจวัตรประจำ หรือไม่ก็ไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเล่นบาสฯบ้าง เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูเด้งในซอยข้างโรงเรียนบ้าง บางทีก็ปีนรั้วกำแพงไปสั่งอาหารเช้าบ้าง สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตก่อนเข้าห้องเรียนเพื่อไปนั่งเล่นในห้อง เอาข้าวที่เสี่ยงชีวิตสั่งเมื่อเช้าหนึ่งห่อ มาแบ่งกันกินในห้องระหว่างที่อาจารย์ก็สอนกันไป กินขนมในห้องเรียนบ้าง ตามประสาเด็กกำลังโต เมนูยอดฮิตคือ ไวไวแห้งใส่เครื่องปรุง เป็นไวไวร่วมสาบานมาก ห่อเดียวกินกันหลายคน เที่ยง กินข้าวที่วัด เหมือนเป็นเด็กวัด ถ้าใครเคยผ่านไปแถวโรงเรียนเบญจมฯ จะรู้ว่า โรงเรียนอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดสุทัศน์ ข้ามถนนไปก็ถึง พูดถึงวัดกะโรงเรียน มีเรื่องเล่าที่จำได้แม่นอยู่เรีองหนึ่ง มีอยู่ครั้งนึง เพื่อนคนหนึ่งกำลังจะเรียกตุ๊กๆ เพื่อหนีโรงเรียนไปกินขนม แต่โชคร้าย อาจารย์มาจับได้เสียก่อน อาจารย์ถามว่า จะไปไหนกัน เพื่อนมันตอบว่า "เราจะไปวัดสุทัศน์กันค่ะ" อาจารย์ถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะด่าว่าอย่างไรดี ให้สมกะความกะล่อนของมัน เลยทำแค่ลากตัวกลับเข้ามาในโรงเรียน กิจกรรมหลังโรงเรียนเลิกส่วนมากก็คือเล่นบาสฯ(อ่านดูแล้วเหมือนชีวิตนักกีฬาเนอะ เล่นบาสฯทั้งวัน นี่ถ้าแม่ส่งเสริมสักหน่อย อาจจะได้ติดทีมชาติกะเค้าบ้างก็เป็นได้)ถ้าไม่เล่นบาสฯ ก็เดินทางไปหาของกิน แถวโรงเรียน ซึ่งขนมแถวโรงเรียนที่ยอดฮิต ก็ไม่พ้น มนต์นมสด สมัยที่ยังไม่ติดแอร์ ยังเป็นร้านเล็กๆ อยู่ข้างคลอง บีว่า รสชาติดีกว่า ปัจจุบันนะ ก็สมัยนั้น เจ้าของมนต์เค้าลงมือทำให้กินด้วยตัวเองนี่หน่า หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็จะเดินกลับบ้าน ในเวลาเย็นย่ำ การที่กลับบ้านกันเย็นย่ำเพื่อให้ผู้ปกครองได้มีโอกาสว่ากล่าวกันบ้าง กลัวชีวิตจะเงียบเหงาเกินไป ไม่มีใครคุยด้วย

สงสัยล่ะสิ ว่าทำไม วันนี้มานั่งระลึกความหลัง เหตุเป็นเพราะว่า วันนี้มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่าสมัยมัธยมปลายหลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้าเจอตากันมาปีกว่า ไม่อยากจะบอกว่าเรามีชื่อกลุ่มกันด้วยนะ เสมือนหนึ่งเป็น Gangster ชื่อว่า "Fainoi Group®" จำไม่ได้แล้วว่า ได้ชื่อนี้มายังไง เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนคนใดอ่านแล้วจำได้ว่า ชื่อกลุ่มมาเช่นไร ช่วยบอกที บีจำไม่ได้ละ

ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะคบกันได้ยาวนาน ปีนี้ก็เป็นที่16แล้วกระมั๊ง โดยการนับแบบคร่าวๆ (สิบหกปี แห่งความหลังงงงงง)ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ร้องไห้ด้วยกันก็หลายหน หัวเราะด้วยกันก็มากมาย วันนี้กลับบ้านว่างๆก็เลยถือโอกาส เปิดอัลบั้ม รำลึกความหลังดูรูปสมัยยังละอ่อนดูซะหน่อย พอดูรูปแล้วรู้สึกฮา หน้าตาตัวเอง ขำมาก ขำหน้าตัวเองคนเดียวยังไม่พอ ยังได้ขำหน้าเพื่อนๆอีก กาลเวลามันทำให้หน้าคนเปลี่ยนไปเหมือนกันเนอะ

คราวนี้จะขำคนเดียวคงไม่พอ ต้องเอารูปมาขึ้นบล็อคเพื่อประจานกันเลยดีกว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า แกล้งเพื่อนนี่สนุกดีเนอะ โดยเฉพาะ เวลาแกล้งแล้วเพื่อนเอาคืนไม่ได้ (ไว้มีโอกาสต้องลงรูปอัพเดทล่าสุด ดูพัฒนาการของแต่ละคน) หุ หุ หุ


"Good friends are like stars. You don't always see them, but you know they are always there"

ปล. ขอบคุณนะ ที่ไม่เคยทิ้งกันเลยที่ผ่านมา ขอบคุณมากสำหรับทุกๆความทรงจำ และสุดท้าย ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อนที่มีให้กันและกัน

Wednesday, June 11, 2008