Friday, March 28, 2008

อันยอง อาเซโย และ ลาก่อน เกาหลี ตอนสุดท้าย

และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายในเกาหลี จบที่กรุงโซล อากาศวันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส หลังจากที่ฝนตกอย่างต่อเนื่องมาทั้งวัน ตั้งแต่เมื่อวาน โปรแกรมวันนี้ ไม่มีอะไรมาก แค่ไปเยี่ยมชม ศูนย์โสมของรัฐบาลเกาหลี เพื่อฟังบรรยาย ที่มา ที่ไป และการปลูกโสม อุดหนุนโสมกันเล็กน้อย เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป เลยไม่สามารถ เอารูปมาโชว์ให้ได้

เอาละ โปรแกรมสุดท้ายในเกาหลี และ ของวันนี้ คือ การช็อปปิ้งอีกแล้ว ช็อปปิ้งวันนี้ ไปที่ตลาด เมียงดง ตลาดจะมีแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งนึงจะให้ความรู้เหมือนสยามบ้านเรา ส่วนอีกฝั่งนึงให้ความรู้สึกเหมือน โบ้เบ้ เน้นไปด้วยกระเป๋า เสื้อผ้า และ รองเท้าแนวผู้สูงอายุ แน่นอน คนฮิป อย่างเราก็ต้องเดินฝั่งที่เหมือนสยามมากกว่า อยู่แล้ว ฝั่งสยามนี้ ประกอบด้วยร้านค้า มากมาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของฝาก ร้านกาแฟ มี คริสปี้ครีม ขายด้วยนะ แต่ที่โดนใจที่สุด ก็คือ ร้าน Uniqlo เป็นร้านเสื้อผ้าของญี่ปุ่นที่ชื่นชอบมากๆ เป็นร้านแรกและร้านเดียวที่เข้าไปแล้วได้ของติดไม้ติดมือออกมา ... แต่ ของที่ได้เป็นของฝากธีร์นะ ... เอาละ ลงรูปให้ดูกันเลยดีกว่า

ปล. อย่าคาดหวังว่ามันจะเห็นข้าวของเครื่องใช้มากมายที่นำมาวางขาย เอาเป็นว่าเราเก็บบรรยากาศ ตลาดเมียงดงมาฝากกันละกันแล้วกันเนาะ

หลังจากที่ช็อปปิ้งกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบินเพื่อที่จะกลับสู่ประเทศไทย เนื่องจากที่พักเมื่อคืนและสถานที่ช็อปปิ้งอยู่ในส่วนของโซลเก่า เราต้องนั่งรถข้ามแม่น้ำฮัน ผ่านเข้าสู่ย่าน โซลใหม่ และมุ่งหน้าไปสู่สนามบิน Incheon ที่เมือง Incheon ได้ยินเค้าเล่าว่า (อีกแล้ว) แม่น้ำฮันนี้รัฐบาลคุมอย่างเข้มงวดเพื่อที่จะพยายามรักษาสภาพของแม่น้ำไว้ ไม่อนุญาตให้เรือแล่นพร่ำเพรื่อ แล้วก็สร้างสะพานไว้มากมายเพื่อรองรับการข้ามแม่น้ำ นอกจากนั้นก็มีการสร้างถนนเลียบแม่น้ำฮันเพื่อใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายและเดินเล่น (จะเห็นได้จากหนังเกาหลีหลายเรื่อง ที่มีฉากพระเอกไปวิ่งออกกำลังกายที่ถนนริมแม่น้ำ ประมาณนั้นเลย)นี่คือ วิว แม่น้ำฮัน ที่ ถ่ายมาได้

แล้วในที่สุดก็มาถึงสถานที่สุดท้ายในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศเกาหลี นั่นก็คือ สนามบิน อินชอน นั่นเอง หน้าตาสนามบินเหมือนในหนังเกาเหลา เอ้ย เกาหลี มะ
ขอปิดทริปเกาหลีแต่เพียงเท่านี้ละกัน เจอกันใหม่ ในทริปหน้า very soon ... bye bye ค๊าบ

Thursday, March 27, 2008

อันยอง อาเซโย เกาหลี ตอน 3

และแล้ว วันนี้ ก็ได้ฤกษ์ บุกกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีสักที หลังจากที่มาเกาหลีได้สองวันแล้ว อยู่แต่บ้านนอกตลอดมา วันนี้จะได้เข้าเมืองกันซะที ตื่นมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะจะได้เข้าเมือง แต่ก็ต้องมาผิดหวัง หลังจากที่ออกมาสัมผัส สภาพอากาศภายนอก ... โธ่ โธ่ โธ่ ... ฝนดันตกซะได้ ตกเรื่อยๆ ตกสม่ำเสมอ

เอานะ ถึงแม้ฝนจะตก แต่ก็ไม่สามารถ มาหยุดยั้งการท่องเที่ยวได้หรอก ชาวคณะ ก็เลยออกเดินทางจากเมืองซูวอน มุ่งหน้าไปสู่กรุงโซล โปรแกรมวันนี้ ที่แรกที่ไปเยี่ยมชมในกรุงโซล ก็คือ Blue House บ้านประธานาธิบดีของเกาหลี การเยี่ยมชมบ้านประธานาธิบดีเนี่ย เป็นการ ชมบนรถ ไม่ได้จอดรถแล้วเดินเข้าไปเนื่องจากเค้าไม่อนุญาต แถม ถ่ายรูปก็ไม่ได้นะ เค้าห้าม ได้ยินมาว่า มีอุปกรณ์ตรวจจับ จากนั้น ก็ไปที่วงเวียนท่มี รูปปั้น นกฟินิกซ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเกาหลี การที่ประเทศเกาหลีเค้าใช้สัญลักษณ์นกฟินิกซ์ เพราะเค้าเชื่อว่า นกฟินิกซ์เป็นนกที่ไม่มีวันตาย เกาหลีจะเหมือนดั่งนกฟินิกซ์ ถึงตอนนี้ ฝนก็ยังคงตกอยู่อย่างสม่ำเสมอ ชาวคณะ ต้องฝ่าฝนตากลม ไปยืนถ่ายรูป ณ จุดถ่ายรูป กับอนุสาวรีย์ รูปปั้นนกฟินิกซ์ ลืมบอกไปว่า ที่ตรงนี้ เค้า ถือว่า เป็นที่ ที่ มีฮวงจุ้ยดีมาก หน้าเป็นน้ำ แม่น้ำฮัน นั่นเอง ส่วนด้านหลังเป็นภูเขา
หลังจากที่ตากลม ตากฝนกันพอสมควร สถานที่ต่อไปที่ไปเยี่ยมชมคือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเกาหลี และ พระราชวังเคียงบ๊อก ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล และมีขนาดใหญ๋ที่สุด
รูปล่างเป็นรูป ร้านขายยาสมัยโบราณ
รูปภายในพระราชวัง
มีทหารมายืนเต๊ะให้ถ่ายรูปด้วยปล. ฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง พอชมพระราชวังเสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวัน มื้อเที่ยงนี้ เป็นอาหารที่เหมาะสมกะสภาพอากาศเป็นอย่างยิ่ง อาหารกลางวันวันนี้ คือ "ไก่ต้มโสม" นั่นเอง ไก่ต้มโสมนี้ เค้าเอาไก่ทั้งตัวมา ได้ยินมาว่า ไก่นี้อายุ 45 วัน เอาเครื่องในออกแล้ว ยัดไส้ด้วย ข้าวเหนียว และ โสมซึ่งมีอายุ 2 เดือน กินกับก๋วยเตี๋ยวที่มีลักษณะคล้ายๆ ขนมจีน อากาศเย็นๆ ฝนตกพรำ ได้กินซุปร้อนๆ ช่างดีจริงๆ
โฉมหน้าโสมอายุสองปีพอทานอาหารเสร็จ รายการทัวร์ต่อไปของวันนี้ คือเยี่ยมชม ร้านกาแฟ ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ Coffee Prince ดูจากในละคร ร้านกาแฟร้านนี้ หน้าตาดีมาก แต่ไปเห็นของจริงแล้วผิดหวังมาก ร้านค่อนข้างโทรม ผู้กำกับเค้าถ่ายได้เก่งมากนะเนี่ย ถึงถ่ายออกมาดูดีได้ขนาดนั้น มีคนบอกอีกแล้วว่า ปัจจุบันเจ้าของร้านนี้ นิสัยไม่ดี ถ้าเราจะเข้าไปถ่ายรูป เราต้องเสียค่าเข้าร้านเค้า 6,000 วอน หรือ ไม่ก็ต้อง อุดหนุน ชา กาแฟ ที่มีราคาแพงกว่ามาตรฐานสากล สู้ร้านขนมที่ใช้ถ่าย ละครเรื่อง คิม ซัง ซุงไม่ได้ ร้านนั้นเจ้าของใจดี ร้านสวย และ ขนมอร่อย พอได้ยินเช่นนี้และเห็นร้านจากด้านนอกแล้ว ก็เลย ใช้วิธีลักลอบถ่ายจากข้างนอกเอาละกัน ซูมๆ เอา
มีลายเซ็นต์ดาราอยู่ที่ผนังร้านด้านนอก แถมด้วยกล้อง CCTV
พอถ่ายรูปเสร็จ รายการต่อไปคือ ไปดูคลอง ซึ่งประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ เค้าพัฒนา จากคลอง สกปรก มาเป็นคลองใส แจ๋ว มีการประดับ ตกแต่ง ข้างคลองด้วย
ซึ่งจะว่าไป การดูคลองนี้ ไม่ได้เป็นรายการที่น่าสนใจ แถม ฝนก็ยังตกอยู่อย่างต่อเนื่อง การไปดูคลองครั้งนี้ เลยเป็นการไปดูแบบขอไปที ดูให้เสร็จ เพราะรายการต่อไป น่าสนใจกว่ายิ่งนัก นั่นก็คือ รายการช็อบปิ้ง การไปท่องเที่ยวตลาดเสื้อผ้าขนาดใหญ่ของเกาหลี ตลาดนี้ชื่อตลาด "ดองแดมุน" ขายเสื้อผ้าเยอะมาก เสื้อผ้าวัยรุ่นแฟชั่นเกาหลี เท่าที่เห็น ก็มีตึกมีร้านขายของเยอะๆประมาณ แพลตตินัมมอลล์ ประมาณ สามตึกติดกัน แต่ละตึกก็มีประมาณแปดชั้น แต่ละชั้นก็แบ่งเป็น ชั้นเสื้อผ้าผู้หญิงแบบ casual เสื้อผ้าผู้หญิงแบบชุดทำงาน เสื้อผ้า ผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก ชั้นกระเป๋าและรองเท้า ชั้นขายเครื่องประดับ ซึ่งเสื้อผ้าพวกนี้ออกแบบและผลิตในเกาหลี เห็นคนอื่นๆที่ไปช็อปเค้าบอกว่า คุณภาพดีมั่ก คนอื่นๆ ช็อบกันข้าวของพะรุงพะรัง นอกจากนี้ ก็มีร้านขายเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลีเช่น skin food , etude. missha คนอื่นๆ ขนกันให้ควั่กเหมือนกัน แต่บี ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... เดินตัวเปล่า มิได้สิ่งใดเลย เพราะแค่จะไปเดินดูเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อ สถานที่ช็อปปิ้งนี้ ไม่มีรูป เนื่องจากฝนยังคงตกอยู่ และไม่ได้ซื้ออะไรเลย เอาไว้ตอนหน้าค่อยลงรูปตลาดอื่นละกันนะ

พอจบจากรายการ Shopping เราก็ไปทานอาหารค่ำกัน อาหารค่ำวันนี้เป็น หมู Bulgogi หน้าตาเป็นเช่นนี้ อิ่มอร่อยอีกตามเคย
จากนั้นเราก็เช็คอินเข้าโรงแรมในกรุงโซลที่อยู่ใกล้ๆกับศาลาว่าการ ซึ่งข้างๆโรงแรมเลย มี Duty Free Shop อยู่ แต่เข้าปเดินเล่นได้แป๊บเดียว เนื่องจากร้านจะปิดแล้ว เลยไม่สามารถบอกอะไรมากได้สำหรับ Duty Free ในกรุงโซลอันนี้ หลังจากที่เช็คอินแล้ว ก็มีอาการออกมาเดินเล่นตากฝนและลมหนาวเล็กน้อยเพื่อย่อยอาหารเย็น ดูรูปส่วนหนึ่งของกรุงโซลยามฝนพรำกันเลยก็แล้วกันนะ
ปิดท้ายรายการวันนี้ด้วย วิตามินซี ของเกาหลี ที่มีหน้าตาเหมือนกระทิงแดง เอาไว้กินกันหวัด รสชาดดีใช้ได้ ดื่มง่าย ... อิ อิ อิ ... ราตรีสวัสดิ์สำหรับวันนี้ ... บ๊ายบาย

Wednesday, March 26, 2008

อันยอง อาเซโย เกาหลี ตอน 2

เช้าวันเสาร์ ณ เมือง Danyang ประเทศเกาหลี วันนี้ โดนปลุก morning call กันตั้งแต่ หกโมงครึ่ง เจ็ดโมงครึ่งรับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรม แปดโมงครึ่ง ล้อรถก็เริ่มหมุน ออกเดินทางไปยัง Everland ซึ่งเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ของประเทศเกาหลีนั่นเอง สวนสนุกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Yongin อยู่ห่างจากกรุงโซลประมาณ หนึ่งชั่วโมง โปรแกรมวันนี้ทั้งวันคือ โดนทอดทิ้งให้อยู่ที่สวนสนุก เค้าให้เวลาตั้งแต่ สิบโมงเช้า จนถึง สี่โมงเย็น ที่สวนสนุก

เล่าถึง สวนสนุก Everland สักหน่อย สวนสนุกแห่งนี้ เจ้าของก็คือ บริษัท Samsung นั่นเอง เจ้าของของ Samsung เค้าตั้งใจสร้างที่นี่ เพื่อเติมฝันในวัยเด็กของเค้าที่อยากเล่นเครื่องเล่นดีๆ สวนสนุก Everland แห่งนี้ ใหญ่โต สร้างอยู่กลางหุบเขา ซึ่งปัจจุบัน สวนสนุกแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลี เมื่อเทียบกับ Lotte World และอะไรอีกที่นึงจำชื่อไม่ได้

จะว่าไปสวนสนุกนี้ ก็คล้ายๆ Disneyland แต่เป็นเวอร์ชั่นของเกาหลี มีรถไฟเหาะตีลังกา ม้าหมุน บ้านผีสิง สวนน้ำ ซาฟารีขนาดย่อม ซึ่ง ซาฟารีที่นี่ มีสัตว์ที่น่าสนใจคือ Liger ซึ่งเป็นลูกผสมของ Lion และ Tiger ออกมาเป็น Liger แต่อย่าถามว่า Liger น่าตาเป็นเช่นไร เนื่องจากไม่ได้มีความอดทนต่อคิวชาวเกาหลี นานเป็นชั่วโมงๆ เพื่อไปดูสัตว์

การมาสวนสนุกครั้งนี้ ได้เล่นเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ คนเกาหลีมาเที่ยวกันเยอะ จะเห็น พ่อ แม่ พาลูกเด็กเล็กแดง มาเที่ยวกันเยอะแยะมากมาย เท่านั้นไม่พอ โรงเรียนยังมีพานักเรียนมาเที่ยวอีก เด็กตรึม
ของเล่นที่ได้เล่นที่นี่ อย่างแรกก็คือ Zoo-Topia เป็นหนังการ์ตูน 4 มิติ หน้าตาตัวการ์ตูนเป็นเช่นนี้ ...
ระยะเวลาในการต่อคิวก็ไม่นานมาก (ประชดในใจเล็กๆ) ต่อคิวเกือบชั่วโมงเท่านั้นเอง เข้าไปดูการ์ตูนที่มันเป็นการ์ตูน สี่มิติก็เพราะว่า มิติที่สี่ คือ นอกจากจะเห็นตัวการ์ตูนพุ่งพรวดออกมาอยู่แบบใกล้ชิดแล้ว ตอนที่ตัวการ์ตูนตกน้ำ ก็มีจะมีการฉีดน้ำ มาทำให้เราเปียกไปด้วย ไหนจะลมพัด ตอนตัวการ์ตูน บิน นี่เป็นที่มาของมิติที่ 4

พอจบจากการเล่นหนัง เอ้ย ดูหนัง สี่มิติแล้ว ก็ไปต่อคิวเล่น เครื่องเล่นที่ล่องไปน้ำใน อันนี้ไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ เปียกนิดหน่อย แต่รอคิวเล่นนาน เกือบชั่วโมงครึ่ง พอเล่นอันนี้เสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายก่าๆ ตัดสินใจ ไปต่อคิว Highlight ดีก่า "รถไฟเหาะตีลังการางไม้" ฟังชื่อแล้วไฮโซ มองรางแล้วไฮโซ แถม รถไฟเหาะรางไม้นี้ เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 20 มีนาคมนั่นเอง ยังใหม่มั่กๆ เอารูปมาให้ดูกันก่อนเลยละกัน
ตอนแรกที่เดินไปถึงทางเข้าไปยืนต่อคิวรอเล่น เห็นไฟข้างหน้าประตูเขียนไว้ว่า waiting time 120 นาที โอเค รอก็รอ แต่ก่อนรอ ขอเอา Hotdog รองท้องเป็นอาหารกลางวันหนึ่งอันละกัน เข้าคิวซื้อ Hotdog เสร็จเดินกลับมา Waiting time เพิ่มเป็น 150 นาที ... จ๊ากกกกกก ... อะไรจะโหดขนาดนี้ ... แต่เอาวะ ไหนๆก็มาแล้ว ลองสักหน่อย
เข้าไปต่อคิว รอ แรกๆ ได้ยินเสียง รถไฟเหาะวิ่ง เสียงกรีดร้อง ดังเป็นระยะๆ หลังจากที่ต่อคิวได้ชั่วโมงนิดๆ จนคนต่อชักเหนื่อย แต่แถวไม่ค่อยขยับ รอชั่วโมงนิดๆ ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง เลยตัดสินใจ ไม่รอละ เซ็งหมูหมัก ออกดีกว่า แล้วเพิ่งมารู้และเห็นทีหลังว่า เจ้ารถไฟเหาะมันเสีย ค้างอยู่บนราง พร้อมผู้โดยสาร เต็มลำ เจ้าหน้าที่ต้องเดินไปนำ ผู้โดยสารลงจากราง ... ได้เสียวกันสมใจ ... รูปนี้เป็นรูปที่รถไฟค้างแต่ผู้โดยสารถูกลำเลียงลงไปข้างล่างเรียบร้อยแล้ว เลยเห็นแต่รถไฟค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น

หลังจากเลิกต่อคิวรถไฟเหาะตีลังการางไม้ เวลาขณะนั้นก็ปาเข้าไป เกือบสามโมงเย็น คิดว่า คงไม่มีเวลาไปต่อคิวเครื่องเล่นที่ไหนอีก ก็เลยตัดสินใจ เดินเล่น ถ่ายรูป สวนสนุกละกัน เดินเล่นไปมา จนได้เวลานัดหมาย

พอสมาชิกคณะทัวร์มาครบ ก็เริ่มออกเดินทางไปทานอาหารเย็น อาหารเย็นวันนี้ ก็คือ หมูย่างเกาหลี ที่รอคอยนั่นเอง ร้านนี้ อยู่ไม่ไกลจาก Everland เดินทางแค่ 15 นาทีก็ถึง หมูแบบว่าชิ้นใหญ่มากกกกกกกกกก เอามาวางแผ่นนึงนี่แบบเต็มเตา และแน่นอน นอกจากหมูหมักที่เอามาย่างแล้ว ก็ต้องมีเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้แบบกิมจิ และ ผักง่วงอีกแล้วคับท่าน มื้อนี้ อิ่มอร่อย สมใจอยากกินหมูปิ้งจริงๆ
พอกินเสร็จก็ออกเดินทางต่อไปยังเมือง ซูวอน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลประมาณ หนึ่งชั่วโมง เพื่อไปดู ประตูเมือง Hwaseong ซึ่งปัจจุบันนี้ เป็นหนึ่งในมรดกโลกไปแล้ว ที่ประตูเมืองนี้เราใช้เวลาเดินกันนิดเดียวเนื่องจากว่า ฝนตก อย่างไม่หยุดยั้ง แถมเราไปถึงก็มืดแล้วด้วย อากาศก็เย็น ชาวคณะ ส่วนใหญ่ ไม่สู้ เลยใช้เวลาเดินเล่นและถ่ายรูปกันเพียงแค่ สามสิบนาทีเท่านั้น

พอดูประตูเมืองเสร็จ เราก็มุ่งหน้า เข้าสู่โรงแรมเล็กๆในเมืองซูวอน ที่มีชื่อเหมือนหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งชื่อว่า โรงแรม Il Mare พอเอากระเป๋าเข้าไปเก็บเสร็จ คนพันธุ์ไฮ(เปอร์)อย่างเราก็ฝ่าลมฝนไปเดินเล่นหาซื้อขนมแปลกๆ น่ากินที่ห้าง Lotus ของเกาหลี ซึ่งโลตัสบ้านเค้าก็เหมือนกับโลตัส บ้านเรา แถมไม่มีขนมแปลกๆ น่ากินให้ซื้ออีกตะหาก คราวนี้เลยได้เดินกลับโรงแรม มือเปล่า ... แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ... เจอกันใหม่ วันพรุ่งนี้ค๊าบ ... ราตรีสวัสดิ์ (-/\-)