Wednesday, April 9, 2008

หัวหินเป็นถิ่นสำราญ ตอนจบ

เช้าวันอาทิตย์ เป็นวันสุดท้ายของการมาพักตากอากาศนอกบ้าน ของครอบครัว ณ บ้านสายสี่ ตื่นแต่เช้า ด้วยจิตใจมุ่งมั่น ว่าจะไปกิน ต้มเลือดหมู ที่ตลาด จำด้าย จำได้ ว่า เคยมีขายหน้าตลาด หรือ ในตลาดรึไงนี่แหละ จำไม่ได้ว่าที่ไหน แต่จำได้ว่ามีนา หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ป๊ะป๊า กะ หม่าม๊า ก็ตัดสินใจว่าจะไปท่องเที่ยวตลาดด้วย เพื่อไปหาซื้อโจ๊กให้หลานชายตัวธีร์

ไปถึงตลาด ตามล่าหา ต้มเลือดหมู ... หา หา หา แล้วก็หา แต่ไม่เจอ ... ที่ตลาดมี โจ๊ก ข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดง หมูกรอบ ข้าวมันไก่ ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ และ หมูปิ้ง ... ร้านยอดฮิตเห็นจะเป็นร้านข้าวหน้าเป็ดและหมูปิ้ง คนรอคิวยาวมากกกกกกกกกกกก ... ได้ออเดอร์มาจากกู๋คิมว่า จะกิน ข้าวหน้าเป็ด และ หมูปิ้ง ส่วนโมอิ๊ จะกินแต่หมูปิ้งอย่างเดียว ก็เลยไปเข้าคิวรอ สั่งหมูปิ้ง 20 ไม้ รอเข้าไปเกือบชั่วโมง พอได้อาหารครบทุกอย่างตามที่ต้องการ บีก็ล่วงหน้าไปก่อน ทิ้ง ป๊า กะ ม๊า รอ ข้าวหน้าเป็ดไป ส่วนบี ก็มุ่งหน้าไปสตาร์บัค สั่งกาแฟ และ ช็อคโกแลตเย็น ไปสังเวย พักทวกที่เหลือ

พอกลับไปถึงที่โรงแรม ป๊ากะม๊าก็ไปกินอาหารเช้าของโรงแรม ส่วน น้องธีร์กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่กะมารแม่ เป็นการส่งท้าย อำลาสระ โมอิ๊ เอาหมูปิ้งไปล่อ ไม่ทันไร น้องธีร์ ก็สละสระว่ายน้ำในทันใด ตามหมูปิ้งมาซะงั้น ... ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยหลานเรา ... หลังจากสมธีร์ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็มารับประทานอาหารเช้าริมสระว่ายน้ำ ... แต่เนื่องจากธีร์ดื้อยิ่งนักเลยจะโดนจับทิ้งน้ำ

นี่คือโฉมหน้าของธีร์ หลังจากที่รอดพ้นจากการถูกถ่วงน้ำมาได้
พอหม่ำๆกันจนเกินอิ่มแล้ว หม่าม๊าก็คิดว่า อยากจะไปเขาสามร้อยยอด เพราะมาหัวหินตั้งหลายทีแล้ว แต่ยังไม่เคยเลยไป เขาสามร้อยยอดสักกะที ... เพื่อเป็นการตามใจยอดคุณแม่ ... เราทุกคนก็เตรียมพร้อม มุ่งหน้าไปเขาสามร้อยยอด ระหว่างทางเห็นป้ายหลวงพ่อโต(มั๊ง) หรือหลวงพ่อ สักท่านอ่ะ หม่าม๊าก็บอกว่า เอ หรือเราจะไปไหว้พระกันก่อน เห็นป้ายเค้าบอกว่า ตรงไปจากตรงที่เห็นป้ายอีกประมาณ 5 กิโล ... แต่เอ๊ะ ขับเลยป้ายมาก็นาน เกือบๆหรือเลยห้ากิโลไปแล้ว ป้ายเลี้ยวไปสามร้อยยอดก็เลยมาแล้วสองสามป้าย ... พลขับบีเลยตัดสินใจแวะถาม คุณลุงที่ขับมอไซค์อยู่ข้างทาง ... คุณลุงบอกว่า ขับไปอีกสามสิบโลน่ะ แล้วถ้าจะไปสามร้อยยอดต้องขับย้อนกลับมา แล้วเลี้ยวไปตามป้ายอีกประมาณ ยี่สิบโล ... แล้วคุณคิดว่า พวกเราผู้มีศรัทธาอันแรงกล้า จะตัดสินใจอย่างไร

อิ อิ อิ ถูกแล้ว เราตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปไหว้พระ มุ่งหน้าไปเขาสามร้อยยอดเลยดีกว่า แต่เอ๊ะ ท้องฟ้า ตอนไปค่อนข้างจะมาคุนะเนี่ย เหมือนฝนจะตก ... ขับไปเรื่อยๆจนถึงทางเข้า อุทยานเขาสามร้อยยอด เราต้องจอดรถเพื่อไปซื้อบัตรผ่านทาง ผู้ใหญ่ 40 บาท และ รถ คันละ 30 บาท ชำระเงินเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าต่อไป เห็นป้ายเลี้ยวไป ถ้ำพระยานคร กะ ตรงไป อุทยานเขาสามร้อยยอด เราตัดสินใจเลี้ยวรถเพื่อไป เที่ยวถ้ำพระยานคร นี่คือหาดแถวที่จอดรถ
จากที่จอดรถ เค้าจะมีเรือให้เช่าเหมาลำ นั่งไปประมาณ 10 นาทีก็จะถึงตรงที่พักทางปีนเข้าถ้ำ เรือเป็นประมาณนี้
พอไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ทวงถามบัตรผ่านทาง เอาบัตรให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเค้าก็ถามว่า จะส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนหรือเปล่า สนใจเอามัคคุเทศน์จิ๋ว นำทางมั้ย ส่วนค่านำทางแล้วแต่จะให้ หลังจากที่มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้ว ก็ตัดสินใจกันว่า ก็ได้ เพื่อการศึกษาของเยาวชน

ไกด์เด็กของเราบอกว่า ใช้เวลาเดินเท้าไปและกลับโดยประมาณ ชั่วโมงครึ่ง พอป๊ะป๋าได้ยินเช่นนั้น ก็ถอดใจ ตัดสินใจรออยู่ที่ร้านอาหารข้างล่าง พอเดินกันไปจนจะถึงทางขี้น ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ตัดสินใจว่า พาธีร์ไปด้วยคงไม่ได้แน่ ธีร์ พี่ตี๋และมารแม่ ก็เลย ต้องรออยู่ที่ร้านอาหารเป็นเพื่อนป๊ะป๋า ที่เหลือ มุ่งหน้าต่อไปด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น ... ปีนไป 100 เมตรแรก ชิลๆ 100 เมตรที่สอง เริ่มเหนื่อย แฮ่ก แฮ่ก คุณหม่าม๊าต้องแวะพักเป็นระยะ เพราะช่วง สองร้อยเมตรแรก เป็นช่วงขึ้นเขา ทางค่อนข้างชัน แล้วก็คุยกันว่า ดีนะเนี่ย ที่ไม่เอาธีร์มาด้วย มิเช่นนั้น ตายแน่ๆ เอาตัวเองยังไม่รอด ต้องแบกอุ้มสมธีร์ อีก 15 โล ภาระหนักไม่ใช่เล่น ... ใช้เวลาเดินจนเหงื่อไหล ไคลย้อยมาสักพักแล้ว ในที่สุดก็มาถึงถ้ำพระยานคร ซึ่งในถ้ำมีการสร้าง ศาลาที่ประทับ มีกษัตริย์มาประทับแล้ว สามพระองค์ และในถ้ำ มีเก็บอัฐิของหลวงพ่อเงินไว้ด้วย หลังจากที่ ไปไหว้ อัฐิหลวงพ่อแล้ว เดินดูบรรยากาศรอบถ้ำ นี่คือบรรยากาศโดยรวมของถ้ำพระยานคร
ไกด์ตัวเล็กของเรา มีการบรรยายไป ปล่อยมุขไป เช่น พี่รู้มั้ยคับว่า สะพานที่เห็น ทำไม มดถึงเดินกันเยอะแยะ ... เป็นเพราะสะพานมันเชื่อมกันอยู่คับพี่ ... อืม ... นะ ... น้อง !@#!#!#

ขากลับ ใกล้จะถึงทางลง ฝนก็เริ่มตกหนัก ดีที่ทางลงเขาปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่น เราเลยไม่เปียกกันมาก แต่พอลงมาถึงตีนเขาแล้ว ระยะทางจาก ตีนเขาไปร้านอาหารที่ป๊ารออยู่นั้น เป็นทางโล่งๆ เราก็เลยเปียกกันมะล่อกมะแล่ก ฝนก็ตกหนักแล้วหยุด แล้วก็ตกหนักแล้วหยุด เราต้องเดินไปแย่งชิงกับประชาชนคนอื่นๆเพื่อขึ้นเรือกลับไปเอารถ ก่อนที่จะฝนจะตกหนักไม่หยุดแล้วจะต้องติดเกาะไปอีกนาน ด้วยความสามารถของป๊า เราก็ได้เรือ ขาไปขึ้นเรือขานี้ คลื่นแรงมั่ก เพราะฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ ตอนแรก ดี๊ด๊า คลื่นมา ... แรงขึ้น แรงขึ้น แล้วก็แรงขึ้น ... และ แล้วคลื่นก็ซัดมา แรงจน ซัมซุงน้อยของบี กินน้ำทะเลเข้าไปเต็มๆรัก พร้อมๆกะกระเป๋าสตางค์สุดที่รักก็เปียกซ่ก ... หลังจากเปียกกันหนำใจ ก็ปีนขึ้นเรือมาได้ ... พอกลับมาถึงหาดที่จอดรถได้ ทุกคนก็ต้องหาห้องอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้ากันโดยทั่วหน้า ไม่เว้นแม้น้องธีร์ ซึ่งสวมชุดบางเบา ซัมเมอร์คอลเลคชั่น ก็ต้องเปลี่ยนชุด อาบน้ำแต่งตัวก่อนใคร

พอเปลี่ยนชุดกันถ้วนหน้าแล้ว เราก็เดินทางออกจากอุทยานเพื่อกลับไปหัวหิน หาอาหารกลางวันหม่ำๆกัน ถึงร้านอาหารเจ้เขียวที่หัวหิน รับทานอาหารกลางวันกันตอนประมาณ สี่โมง ที่ร้านเจ้เขียวนี้ เราได้เจอ โดม ปกรณ์ ลัม ที่มารับทานอาหารที่เหมือนกัน คนขอถ่ายรูปกันให้ควั่ก แต่ทีมเราด้วยความหิว เลย ไม่สนใจ หันไปมอง ... โดม เหรอ ... เออ โดม ... แล้วก็หันมาสนใจอาหารบนโต๊ะต่อไป

หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็เดินทางต่อมุ่งหน้ากลับบ้าน แน่นอน ก่อนกลับบ้านก็ต้องมีการแวะซื้อขนม โมอิ๊ มีการ request เรียกร้องอยากจะแวะซื้อขนมแม่กิม อะไรสักอย่าง เพื่อตามหาซื้อ ฝอยทองแสนอร่อย ก็ เอา ไปกัน บอกให้โมอิ๊ หาร้านชื่อ แม่พลุงพลุ้ยเพื่อแวะซื้อของ โมอิ๊ก็ไม่ยอม จะตามหาร้าน แม่กิมอะไรสักอย่างที่อยู่แถว outlet ที่เพิ่งล่มสลายไป (แต่โมอิ๊จำผิด โมอิ๊จำว่าอยู่ใกล้กะ outlet เปิดใหม่) จริงๆแล้ว มันไม่ได้อยู่ใกล้ outlet เปิดใหม่แม้แต่น้อย มันคือ outlet ที่ล่มสลายไปแล้วตะหาก หลังจากได้ ฝอยทองแสนอร่อย ดังที่ตั้งใจแล้ว ป้ายต่อไปของเราก็คือ ร้านขนมบ้านนันทวัน ช็อปปิ้งกันจนอิ่มอร่อยพอใจแล้ว เราก็มุ่งหน้ากลับบ้านกัน ชาวบ้านสายสี่ก็แยกย้ายกับน้องธีร์ พี่ตี๋และมารแม่ ที่ร้านขนมบ้านนันทวันนั่นเอง

ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกสนานและเปียกปอนทริปนึง การมาเที่ยวพร้อมๆกันกับทุกคนในครอบครัวนี่ มันสนุกสุดๆไปเลยเนอะ ... แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าค๊าบ (คาดว่าอีกไม่นาน ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า) บ๊ายบาย ค๊าบ (-/\-)

Tuesday, April 8, 2008

หัวหินเป็นถิ่นสำราญ ตอนแรก

หลังจากที่เพียรพยายามหาโรงแรมที่พัก ที่หัวหินกันอย่างบ้าคลั่งเกือบอาทิตย์ criteria ของเราก็คือ มีที่พักสำหรับเจ็ดชีวิต อยู่ติดทะเล และ มีสระว่ายน้ำ เพื่อให้ หลานร๊าก ลงไปเล่นน้ำได้ เนื่องจากลงทุนกะอุปกรณ์ดีเด่นไปแล้ว ในที่สุดเราก็สามารถหาที่พักได้ เกือบครบ criteria เสียอย่างเดียวก็คือ ที่พักที่เราได้ ไม่ติดทะเล ไปเห็นของจริงแล้ว ก็ไม่น่าเกลียด ก็โอเคอยู่

หลังจากที่ติดต่อหาที่พักได้แล้ว วันเสาร์ที่ 5 เมษายน ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง ทุกคน กระตือรือร้นกันมาก พยายามสุดฤทธิ์ ที่จะไม่ทำตัวให้เป็นจุดอ่อน โดนกำจัด ... คาดว่า ไม่เกิน เก้าโมงครึ่ง เราก็ได้เริ่มออกเดินทางจากบ้านสายสี่ โดยมีบีเป็นพลขับ ออกไปยังไม่พ้นประตูบ้านก็มีเหตุให้ถอยรถกลับเข้าไปใหม่ เพื่อไปที่เปิดไวน์ หลังจากที่ได้ที่เปิดไวน์แล้ว พลขับบี ก็ทำแว่นกันแดดหายในบ้าน โดยไม่รู้ว่า หายที่ไหน กว่าจะรู้ตัว ก็ขับรถถึงไฟแดงสายสี่แล้ว เราก็ต้องวนรถ กลับบ้านใหม่อีกรอบนึง พอวนรถถึงบ้าน น้องธีร์ ถึงกะโวยวาย ... ไม่เอา ไม่เอา ธีร์จะไปเที่ยว ไม่กลับบ้าน ... หลังจากหาสมบัติของพลขับ บี เจอแล้ว ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปหัวหินอย่างจริงจัง

สถานีแรกที่เราตั้งใจจะหยุดก็คือ ปั๊มน้ำมัน ... พลขับ บี ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะหยุดที่ปั๊ม Jet ปั๊มอื่น เราไม่สนใจ ผ่านไปปั๊ม Jet แรก ที่ถนน ธนบุรี-ปากท่อ โอ้ แม่เจ้า ผู้คนล้นหลาม ไหลทะลัก อย่างกับว่า Jet แจกน้ำมันฟรี คนเติมน้ำมันเพียบ คนซื้อของเพียบ เอาวะ ไม่เติมก็ได้ มุ่งหน้ากันต่อไป จะเข้าเพชรบุรีแล้ว Jet ต่อไปก็ยังไม่มาให้เห็น ใกล้ถึงเพชรบุรี น้องธีร์สุดหล่อ ก็บอกกับทุกคนว่า "ธีร์ปวดอึ๊" โอ๊ะ โอ เอาล่ะสิ เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายจาก ปั๊ม Jet เป็นสุขาน้อยให้สมธีร์ ดังนั้น สถานีแรกที่เราหยุดกันจริงๆ ก็คือ Big C เพชรบุรีนั่นเอง แวะเข้าไปเพื่อให้สมธีร์ทำธุระ แต่จริงๆแล้วสมธีร์ อาจจะไม่ปวดอย่างที่พูด ธุระครั้งนี้เลยไม่สำเร็จ ชาวคณะก็เลย เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าต่อไป และแล้ว เราก็มาเจอ ปั๊ม Jet อีกจนได้ คราวนี้ ได้เติมน้ำมัน สมใจ และ พี่ตี๋ คุณพ่อของน้องธีร์ ก็ตามมาสมทบได้พอดีที่ปั๊ม Jet แห่งนี้

หลังจากเติมน้ำมัน เติมน้ำจากบ้านไร่กาแฟไปแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไป สถานีต่อไปของเราคือ สะพานปลา ที่ชะอำ เพื่อไปหม่ำอาหารทะเลมื้อเที่ยง (ปล. จำชื่อร้านไม่ได้อ่ะ แถม ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ด้วย อาจจะเกิดจากความหิวเลยไม่ทันมีความคิดว่า จะถ่ายรูป) มื้อเที่ยงวันนั้น อุดมสมบูรณ์ ไปด้วย กุ้ง หอย ปู และ ปลา อิ่มอร่อยกันอย่างไม่เกรงใจ สัตว์ทะเลทั้งหลายแล้ว คราวนี้ มุ่งหน้าอย่างจริงจัง เพื่อไปหัวหิน check in เข้าที่พัก

ประมาณ บ่ายสองโมง เราก็มาถึงหัวหิน เช็คอินเข้าที่พัก ที่โรงแรม Huahinwhitesand เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่เยื้องๆกะโรงแรมโซฟิเทล พอเก็บข้าวเก็บของเสร็จ ก็ไม่รอช้า รีบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ และ พาธีร์ ไปเล่นน้ำในสระของโรงแรม อย่างด่วน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตอนลงไปเล่น ตอนนั้น มีคนเล่นอยู่ประมาณ สอง ถึง สามคน บีเล่นกะธีร์ก่อน จากนั้น เจ้รี่ และพี่ตี๋ก็ตามมา ป๊ากะม๊า เห็น ไม่ยอมน้อยหน้า เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ตามลงมาเล่นเหมือนกัน พอเราลงมาครบ คนอื่นๆ ก็สละสระว่ายน้ำให้กะเรา กลายเป็นสระว่ายน้ำ ของครอบครัวเราไป ดูรูปกันเลยดีกว่า

หลังจากเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเสร็จแล้ว บีก็ตั้งใจว่าจะพาธีร์เดินไปทะเลสักหน่อย เลยเดินลัดเลาะ ทำเนียน เข้าไปในโรงแรมโซฟิเทล เพื่อจะไปหาดหน้าโรงแรม เดินเล่นกันสักพัก สมาชิกคนอื่นๆ ก็เดินตามมาเจอที่โรงแรมโซฟิเทล เราแวะเล่นกันที่สนามเด็กเล่นของโรงแรมก่อน ย้อนวัยกันเล็กน้อย แต่พองาม คนที่สนุกที่สุดเห็นจะเป็นมารแม่ และ นะบีของสมเธร์ ด้วยน้ำหนักตัวที่ไม่มีใครยอมใคร ไม้กระดกของเรามันเลยไม่กระดก ต้องมีตัวช่วยอย่างที่เห็นพอเล่นกันได้ที่เราก็มุ่งหน้าไปสู่ทะเล พอเท้าสัมผัส ทราย เราก็สามารถบอกได้ว่า โอ้ นี่หรือ ทราย ไฮโซ ช่างนุ่มเท้าดีแท้ :P กิจกรรม ริมชายหาดของเราก็คือ เรียกม้ามาให้ธีร์ ขี่ แล้ว โพสต์ท่าถ่ายรูปงามๆ ธีร์ชอบมาก ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด นั่งเฉยๆ ยอมนั่งนิ่งๆให้ถ่ายรูปกะม้าแต่โดยดี สามารถไปดูรูปธีร์ขี่ม้าได้ที่บล็อคมารแม่ รูปธีร์ขี่ม้าเราขอข้าม เอาของเล่นที่เค้าขายริมทะเลมาอวดแทนละกัน
หลังจากที่ถ่ายรูปกะม้าเสร็จ เราก็เดินลัดเลาะกันมาตามชายหาด เพื่อออกเดินทางตามล่า หาอาหารเย็น เดินกันแบบว่า ไม่รู้จะกินอะไรดี ผ่านร้านข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ กะว่า จะเข้าไปซื้อสักสองกล่อง ปรากฎว่า ไปถึง ป้าเค้าขายข้าวเหนียวหมดละ เหลือแต่มะม่วง อดกินเลย ... เซ็งหมูหมัก (อุ๊บส์!!!)
แถวร้านขายมะม่วงมีร้านขายกาแฟหน้าตาดีด้วยนะ
เดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นร้านอาหารร้านนึง ชื่อ ร้าน ชาวเล มั้งถ้าจำไม่ผิด เราก็เลี้ยวปร๊าด เข้าไปหม่ำอาหารเย็นกันที่นั่น ธีร์ได้ลองหม่ำเบียร์ไฮเนเก้นด้วยนะ นี่คือหน้าตาตอนชิมเบียร์และหลังชิม
พอหม่ำเสร็จ สถานีในดวงใจ สถานีต่อไป คือ ตลาดหัวหิน ยามค่ำคืน
ร้านไอติมยังคงขายดีอยู่ ร้านโรตี คนยังเยอะเหมือนเดิม ยังคงต้องต่อแถวซื้อ ร้านบัวลอย จำได้ว่าเคยมี แต่เดี๋ยวนี้เดินหา หาไม่เจอแล้ว เศร้าเจรงๆ ร้านขายขนมไข่เต่าลูกเล็กๆ ราคาลูกละ ห้าสิบสตางค์ ร้านข้าวโพดปิ้งสี่พี่น้อง ที่คนขาย เหมือนไม่อยากจะขาย ถามคำ ตอบเหมือนโกรธกัน ชิ

สรุปออกจากตลาดได้ของกินติดไม้ติดมือมาเป็น โรตี ขนมไข่เต่า ข้าวโพดปิ้ง และ มะม่วงน้ำปลาหวาน ส่วนไอติมนั้นหมดตั้งแต่ยังไม่ได้ออกจากตลาด

และแล้ว คนอัพบล็อคก็ขอจบรายการของวันนี้แต่เพียงเท่านี้ก่อนละกัน ชักขี้เกียจ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเล่าตอนต่อไปของหัวหินเป็นถิ่นสำราญให้ฟังต่อ ปิดท้ายวันนี้ ด้วยหนุ่ม หน้ามน แฟนสตาร์บัค รุ่นจิ๋ว