Tuesday, July 8, 2008

สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจ

ก่อนหน้านี้ บีมีความคิดว่า การบริจาคดวงตา บริจาคอวัยวะ และ การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ นั้น เป็นสิ่งที่ยุ่งยากมากมาย ต้องใช้แรงกาย แรงใจอย่างมากในการกระทำ ไม่รู้ว่า เมื่อก่อนนี้กลัวอะไรกับการบริจาคทั้งสามอย่างนี้ รู้แต่ว่า มีความกลัวลึกๆในจิตใจ เลยได้แต่อยากบริจาค แต่ไม่กล้าบริจาค อยากๆ กลัวๆ อยู่สักพัก จนในที่สุดก็ตัดสินใจ เอาเถอะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แล้วจะมากลัวอะไร ถ้าสิ่งที่เราเอาไปไม่ได้ ไม่ได้ใช้แล้ว แต่มีประโยชน์ต่อคนอื่น ก็ให้เค้าไปใช้เถอะ พอตัดสินใจได้ และได้ บริจาคจริงๆ ก็รู้ได้ว่า การบริจาคทั้งสามอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก แค่ อาศัยความตั้งใจและสละเวลาเล็กน้อยในการทำ ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ขออนุญาตเอาประสบการณ์และข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง

อย่างแรก การบริจาคดวงตา จำได้ว่านี่เป็นสิ่งแรกที่ไปบริจาค จำได้ว่า วันนั้นเมื่อหลายปีที่แล้ว หลังจากบริจาคเลือดเสร็จแล้ว ก็มีความคิดว่า ไหนๆก็มาสภากาชาดไทยแล้ว บริจาคดวงตาด้วยเลยดีกว่า ไหนๆก็ไหนแล้ว ก็เลยถามพี่ รปภ. ของสภากาชาดไทยว่า จะไปบริจาคดวงตานี่ต้องไปที่ไหน พี่เค้าก็บอกทางไป ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน)ชั้น 7 พอไปถึง การบริจาคก็ไม่ยาก แค่ไปกรอกเอกสารยินยอม และ รอรับบัตรประจำตัวผู้บริจาคดวงตากลับมา แค่นี้เอง สำหรับผู้ที่สนใจในรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้จากเว็บนี้ http://www.eyebankthai.com/

อย่างที่สอง การบริจาคอวัยวะ อันนี้ก็สามารถทำได้ที่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยเช่นกัน เป็นตึกเดียวกับที่บริจาคดวงตาแต่คนละชั้น ถ้ามีเวลา สามารถ บริจาคสองอย่างนี้ ได้ ภายในวันเดียว การบริจาคอวัยวะนี้ ก็เช่นกัน แค่ไปกรอกเอกสารยินยอม และ รอรับบัตร สำหรับผู้สนใจ สามารถ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บนี้ http://www.organdonate.in.th/

สำหรับการบริจาคอย่างที่สาม คือการบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ อันนี้เป็นประสบการณ์ล่าสุดเพราะเพิ่งไปทำมาเมื่อวาน ก่อนหน้านี้ บีคิดว่า เป็นอะไรที่ยุ่งยากมากทีเดียว เพราะเคยรู้มาว่า ต้องไปที่โรงพยาบาลศิริราชเท่านั้น แค่คิดว่าจะไปศิริราชก็ลำบากแล้ว เพราะศิริราชในความคิดนั้น เป็นอะไรที่ไปไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง ที่จอดรถก็แสนจะหายาก แต่เมื่อเร็วนี้ๆ ได้หาข้อมูลใหม่ ว่า จริงๆแล้ว การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่นั้น เราสามารถทำได้หลายแห่ง นอกจากโรงพยาบาลศิริราชแล้ว โรงพยาบาลรามาฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลอื่นๆที่มีนักศึกษาแพทย์ก็สามารถทำได้เช่นกัน หลังจากหาข้อมูลได้พอสมควร ก็ตัดสินใจว่าจะไปบริจาคที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เนื่องมาจากว่า ต้องไปทำธุระแถวนั้นอยู่แล้ว พอได้ฤกษ์งาม ยามสะดวก หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว ก็ตัดสินใจแวะเข้าไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ หลังจากวนๆ รถอยู่หลายรอบ หาที่จอดรถไม่ได้สักที เพราะที่โรงพยาบาลจุฬาใช่ว่า รถจะน้อย คนจะน้อยซะเมื่อไหร่ และก็ไม่รู้ว่า ตึกที่รับบริจาคอยู่ตรงไหนด้วย ก็เลยตัดสินใจโทรไปสอบถาม ได้ความมาว่า ตึกที่รับบริจาคชื่อ ศาลาทินฑัต เป็นเรือนกระจกเล็กๆอยู่ข้างๆตึก ภปร. เลยขับรถวนเข้าไปแถวตึกที่รับบริจาคและแจ้งพี่รปภ.ว่า จะมาบริจาคค่ะ พี่รปภ. ก็ใจดี รีบอำนวยความสะดวก หาที่จอดรถให้ พอจอดรถได้ ก็เข้าไปบริจาค ขั้นตอนการบริจาคก็ไม่ยุ่งยาก แต่ต้องเตรียมรูปถ่ายขนาด หนึ่งนิ้ว ไปสองรูป และ สำเนาบัตรประชาชน กรอกเอกสารนิดหน่อย เพื่อแสดงความจำนง แล้วก็รอรับบัตร เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

ปล. ในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางไปเอง แต่อยากบริจาคดูรายละเอียดได้จากข้อมูลข้างล่าง

ผู้สนใจสามารถติดต่อที่แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาฯ หมายเลขโทรศัพท์ 02-256-4628 ในเวลาราชการ หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคร่างกายจาก http://www.md.chula.ac.th/anatomy/donatebody.html แล้วกรอกข้อความส่งมาที่แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กทม.10330 ได้ทุกวัน

ลืมบอกไปว่า การบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่นั้น เค้ารับในกรณีที่อวัยวะภายในยังอยู่ครบ บางคนก็จะมีความสงสัยว่า อ้าว อย่างงี้ ถ้าเราบริจาคอวัยวะไปแล้ว และจะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ได้เหรอ อันนี้เท่าที่รู้มา เค้าบอกว่า ได้ เนื่องจากอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ณ วันที่เราสิ้นอายุขัย วันนั้น อวัยวะของเรา อาจจะไม่สามารถเอาไปให้คนอื่นใช้ได้ ก็เป็นได้ ดังนั้น ณ ตอนนี้ เราสามารถดำเนินการแสดงเจตจำนงค์บริจาคทุกอย่าง แล้ว พอเราไม่มีชีวิตแล้ว ค่อยให้ญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ของเราเป็นผู้ตัดสินใจ :-D

- สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย : สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น -

2 comments:

Anonymous said...

อนุโมทนาบุญด้วยค่า

ปุ๊บริจาคดวงตาแล้ว แค่กรอกฟอร์มให้เจ้าหน้าที่ที่มาแจกให้แถวๆที่บริจาคเลือดตรงสภากาชาด แล้วเค้าก็ส่งบัตรมาให้ที่บ้านล่ะ

Unknown said...

ขออนุโมทนาด้วยอีกคนนะคะ

ปริมยังไม่ได้ไปบริจาคส่วนไหนของร่างกายเลย ว่าจะอยู่เหมือนกัน ไปติดต่องานกะโรงพยาบาลก็บ่อย แถมหลายที่ แต่ยังไม่ได้คิดที่จะเดินเข้าไปเลย

เอาไว้ถ้าไปแล้วจะมาบอกบุญด้วยคน